คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงิน 6,200 บาท กับดอกเบี้ย ฯ นับแต่วันทำสัญญาจำนองเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำบังคับ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ คือที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำนองกับเรือน 1 หลัง ตู้กระจก 1 ใบ ซึ่งเป็นทรัพย์นอกจำนอง
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า เรือน 1 หลัง กับตู้กระจก 1 ใบเป็นทรัพย์นอกจำนอง โจทก์ไม่มีสิทธิยึด ขอให้ถอนการยึดทรัพย์ 2 สิ่งนี้เสีย
โจทก์แถลงว่า โจทก์มีสิทธิยึดได้ เพราะสัญญาจำนอง ข้อ 5 ยอมให้โจทก์เอาทรัพย์นอกจำนองมาชำระหนี้ได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามสัญญาจำนอง ข้อ 5 ให้โจทก์เอาทรัพย์นอกจำนองชำระหนี้ได้ แต่จะบังคับได้เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์ซึ่งจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้เท่านั้น จึงให้จัดการขายทรัพย์ที่จำนองเสียก่อน ถ้าเงินไม่พอจึงขายทรัพย์อื่นต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ ๆ มิได้ขอว่า ถ้าขายทรัพย์ที่จำนองได้เงินไม่พอ ให้ศาลยึดทรัพย์อื่นนอกจำนองขายทอดตลาดเอาเงินใช้หนี้จำนองด้วย และศาลชั้นต้นก็มิได้พิพากษาว่าถ้าขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองได้เงินไม่พอใช้หนี้จำนองแล้ว ให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์จนครบหนี้จำนอง โจทก์จึงมีสิทธิจะขอหมายบังคับคดีได้แต่เฉพาะที่ดินที่จำนองเท่านั้นโจทก์จะยึดทรัพย์ออกจำนองขายชำระหนี้จำนองของโจทก์ด้วยหาได้ไม่
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า หนี้จำนองรายนี้ไม่จำกัดให้บังคับคดีเฉพาะทรัพย์ที่จำนองเพราะสัญญาจำนองที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้บังคับนั้น ข้อ 5 ว่า ถ้าทรัพย์จำนองไม่พอชำระหนี้ที่จำนองผู้จำนองยอมให้เอาทรัพย์นอกจำนองมาชำระหนี้จำนองนี้ได้ ก็เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินที่จำนองไปแล้วได้เงินเพียง 40,000 บาท ไม่พอชำระหนี้จำนอง โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์นอกจำนองได้
พิพากษายืน