โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 28, 31, 61, 70, 73, 75, 76, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 83, 91, 92, 287 ให้แผ่นดีวีดีและวีซีดีภาพยนตร์ แผ่นดีวีดีและวีซีดีเพลงกับแผ่นซีดีรอมเพลงประเภทเอ็มพี 3 ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 14,151 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์สั่งจ่ายค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายทั้งยี่สิบเอ็ดซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ริบแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ลามก จำนวน 4 แผ่น ปกวีซีดีภาพยนตร์จำนวน 5,000 แผ่น ปกวีซีดีลามก จำนวน 29 แผ่น เพิ่มโทษกับบวกโทษจำเลยที่ 1 และระวางโทษจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 เป็นสองเท่าตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้ระวางโทษเป็นสองเท่าและบวกโทษ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1) ประกอบมาตรา 70 วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 เดือน ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ลงโทษปรับจำเลยทั้งสี่คนละ 2,000 บาท จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 เดือน 15 วัน และปรับ 1,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 3 เดือน และปรับคนละ 1,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้แผ่นดีวีดีและซีดี (ที่ถูก ดีวีดี วีซีดี และซีดีรอม) ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 14,151 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์และส่วนที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและบวกโทษจำเลยที่ 1 นั้น เห็นว่า ศาลได้ลงโทษจำเลยที่ 1 จากระวางโทษที่เพิ่มเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้แล้วตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 73 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วจึงไม่เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก ให้ยกคำขอนี้ริบวีซีดีลามก ปกวีซีดีลามกและแผ่นปกวีซีดีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 5,000 แผ่นของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 กลับมากระทำความผิดในคดีนี้อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ และเป็นการกระทำความผิดภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ในคดีก่อนและยังไม่พ้นกำหนด 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษในคดีดังกล่าวกรณีของจำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่ผู้ต้องโทษตามความหมายของมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 เมื่อจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าในคดีนี้ภายในระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ในคดีก่อนศาลจึงนำโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ซึ่งรอการลงโทษไว้มาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1) ประกอบมาตรา 70 วรรคสอง และมาตรา 73 กับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) ประกอบมาตรา 83 ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1) ประกอบมาตรา 70 วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) ประกอบมาตรา 83 ให้บวกโทษจำคุก 6 เดือน ของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.6375/2549 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้เป็นจำคุก 9 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นของจำเลยที่ 1 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 เดือน และปรับจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1,000 บาท จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 73 ความผิดฐานร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ให้จำคุกคนละ 3 เดือน เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุกคนละ 1 เดือน 15 วัน เมื่อรวมกันโทษฐานอื่นแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 3 และที่ 4 คนละ 1 เดือน 15 วัน และปรับคนละ 1,000 บาท ส่วนโทษสำหรับจำเลยที่ 2 และนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง