โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 540,285.47 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2555 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 570,676.47 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 540,285.47 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 11 มกราคม 2556) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 7,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีใหม่ภายในบทบัญญัติว่าด้วยอายุความ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกิน 200 บาท ให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองฝ่ายในศาลชั้นต้นและในชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจรับประกันภัย โจทก์รับประกันภัยการขนส่งสินค้าภายในประเทศของบริษัทนิเด็ค ค็อมโปเน็นท์ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 บริษัทดังกล่าวว่าจ้างจำเลยขนส่งสินค้าประเภทอุปกรณ์ชิ้นส่วนไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 10,300 ชิ้น จากโรงงานที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ไปส่งให้แก่ลูกค้าที่อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง จำเลยสั่งให้นายบรรเจิด ขับรถยนต์กระบะบรรทุก หมายเลขทะเบียน ตห 7127 กรุงเทพมหานคร นำสินค้าดังกล่าวของบริษัทไปส่งให้แก่ลูกค้า แต่ระหว่างทางนายบรรเจิดขับรถยนต์กระบะบรรทุกดังกล่าวโดยใช้ความเร็วสูงในขณะฝนตกถนนลื่น นายบรรเจิดไม่สามารถควบคุมรถได้และรถยนต์กระบะบรรทุกเสียการทรงตัวจึงแล่นชนเสาไฟฟ้าข้างทางที่บริเวณแยกบ้านบึง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ทำให้สินค้าที่บรรทุกในรถกระแทกกับตัวรถอย่างรุนแรงได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้การได้ทั้งหมด โจทก์ประเมินค่าเสียหายเป็นเงิน 540,285.47 บาท เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 โจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวให้แก่บริษัทนิเด็ค ค็อมโปเน็นท์ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิมาเรียกค่าเสียหายจากจำเลยให้รับผิดค่าสินไหมทดแทนตามที่โจทก์จ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปเป็นเงิน 540,285.47 บาท แต่จำเลยปฏิเสธความรับผิด โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ที่ศาลจังหวัดชลบุรี โดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญารับขนที่จำเลยทำสัญญาขนส่งสินค้ากับบริษัทผู้เอาประกันภัยโดยโจทก์มิได้ฟ้องนายบรรเจิดผู้ขับรถกระบะบรรทุกที่ทำให้สินค้าของผู้เอาประกันภัยเสียหายด้วย ดังนั้นโจทก์ต้องฟ้องจำเลยให้รับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยที่ศาลจังหวัดสระบุรีหรือศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นภูมิลำเนาจำเลย แต่เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดชลบุรี เป็นการเสนอคำฟ้องผิดเขตอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (1) หรือมาตรา 5 จึงพิพากษายกฟ้อง
คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้รับฟังได้แล้วว่า จำเลยเข้าทำสัญญารับจ้างขนสินค้าให้แก่บริษัทนิเด็ค ค็อมโปเน็นท์ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด ทั้งโจทก์มีนายกรวิก มาเบิกความยืนยันว่า เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 บริษัทนิเด็ค ค็อมโปเน็นท์ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด ว่าจ้างให้จำเลยขนส่งสินค้าประเภทอุปกรณ์ชิ้นส่วนไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ 10,300 ชิ้น ไปส่งให้ลูกค้าที่อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง จำเลยจึงได้สั่งการให้นายบรรเจิดนำรถยนต์กระบะบรรทุก หมายเลขทะเบียน ตห 7127 กรุงเทพมหานคร มารับสินค้า มีนายบรรเจิดลงลายมือชื่อรับสินค้า โดยจำเลยก็ไม่ได้นำสืบหักล้างในเรื่องนี้ พยานโจทก์ปากนี้แม้เป็นพนักงานของโจทก์แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีส่วนได้เสียในคดีโดยตรง เชื่อว่าเบิกความตามความเป็นจริง และเมื่อพิจารณารถยนต์กระบะบรรทุกคันเกิดเหตุ ตามภาพถ่ายก็ปรากฏมีชื่อบริษัทของจำเลยอยู่ข้างตัวรถ ดังนั้นการดำเนินการของจำเลยที่สั่งให้นายบรรเจิดเข้าไปรับสินค้าโดยใช้รถยนต์กระบะบรรทุกซึ่งมีชื่อบริษัทของจำเลยติดอยู่ข้างตัวรถจึงมีลักษณะเป็นนายจ้างและลูกจ้างกัน ที่จำเลยอ้างว่ารถยนต์กระบะบรรทุกเป็นของนายบรรเจิดเอง ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นายบรรเจิดเป็นผู้จ่ายนั้น จำเลยก็มิได้มีหลักฐานมาแสดงให้ปรากฏดังข้อกล่าวอ้าง พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักน้อยกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ เชื่อว่าจำเลยเป็นนายจ้างของนายบรรเจิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ