โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดศรีสะเกษมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการขายทอดตลาด และสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์โดยมีเจตนาให้โจทก์ได้รับ ความเสียหาย เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องมีคำสั่งว่า จำเลยใช้ดุลพินิจโดยชอบตาม อำนาจที่จะกระทำได้ตามกฎหมาย ไม่เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์หรือ เป็นการ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงไม่ประทับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้อง ของโจทก์แล้ว สั่งไม่ประทับฟ้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผลเท่ากับ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษา ยกฟ้องโจทก์ โจทก์จึงฎีกาไม่ได้ ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แม้ว่าคดีนี้จะเป็นการพิจารณา ชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม เพราะต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ ที่แก้ไขใหม่ที่ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกา ไม่ รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาโจทก์.