โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ เวลากลางวัน นายถาวร วรรณรัตน์ ได้ใช้ขวดตีทำร้ายร่างกายนายผดุง ภูดารัตน์ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย อันมิใช่ความผิดลหุโทษ ตามเวลาดังกล่าว จำเลยเพื่อมิให้นายถาวรผู้กระทำผิดต้องรับโทษและเพื่อมิให้ถูกจับกุม บังอาจเข้าแจ้งต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอกระนวน โดยรับว่าจำเลยเป็นคนใช้ขวดตีทำร้ายนายผดุงเอง มิใช่นายถาวรเป็นคนทำร้าย ทั้งที่จำเลยมิได้เป็นคนทำร้ายหรือมีส่วนร่วมทำร้ายนายผดุงแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวเป็นการเข้ารับแทนนายถาวรซึ่งกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกาย เป็นการช่วยเหลือนายถาวรเพื่อไม่ให้ต้องรับโทษและเพื่อมิให้ถูกจับกุม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาคดีนี้เข้ากับสำนวนคดีหมายเลขดำที่ ๑๐๖/๒๕๑๘ ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นเป็นโจทก์ฟ้องนายถาวรฐานทำร้ายร่างกายนายผดุงแล้วพิพากษาลงโทษนายถาวรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ และลงโทษจำเลยคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙ จำคุกนายถาวรและจำเลยคดีนี้คนละ ๒ เดือน
นายถาวรและจำเลยคดีนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้รอการลงโทษนายถาวรไว้มีกำหนด ๒ ปี ส่วนจำเลยคดีนี้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยคดีนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายถาวรเป็นผู้กระทำร้ายผู้เสียหาย มิใช่จำเลยนี้เป็นผู้กระทำไม่ และวินิจฉัยว่า การที่จำเลยแจ้งต่อร้อยตำรวจเอกประศักดิ์ มุสิกเจริญ พนักงานสอบสวนว่าตนเป็นผู้ทำร้ายนายผดุง ภูดารัตน์เองนั้น ก็เพื่อแสดงว่านายถาวร วรรณรัตน์ ไม่ใช่เป็นผู้กระทำผิดทำร้ายนายผดุงนั่นเอง การที่จำเลยออกรับเสียเองเช่นนี้ จำเลยกระทำหลังจากนายผดุงได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนระบุว่า นายถาวร วรรณรัตน์ เป็นผู้ทำร้ายตน อันมิใช่ความผิดลหุโทษ ฐานะนายถาวร วรรณรัตน์ ขณะนั้นจึงเป็นผู้ต้องหาหรือผู้กระทำผิดแล้ว และเป็นการกระทำก่อนนายถาวร วรรณรัตน์ ถูกจับกุม การกระทำของจำเลยเช่นนี้เห็นได้ว่ามีเจตนาเพื่อไม่ให้นายถาวรต้องโทษ โดยช่วยนายถาวร วรรณรัตน์ ผู้กระทำผิดหรือต้องหาว่ากระทำผิดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามบทมาตรานี้ดังโจทก์ฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น