โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2533 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยกับพวกได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณบริษัทแคปปิตัลไซโลและอบพืช จำกัด ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข โดยจำเลยกับพวกร่วมกันมีมีดปลายแหลม 1 เล่ม และตะกาวเหล็ก 1 อันเป็นอาวุธติดตัวไปด้วย หลังจากนั้นจำเลยกับพวกได้พยายามกรรโชกนายสุดใจ ฉัตรทอง ผู้เสียหายโดยร่วมกันข่มขืนใจผู้เสียหายให้ส่งมอบปลาโอ 10 ตัว ราคา 400 บาท และไม้แปรรูป 5 แผ่น ราคา 500 บาทซึ่งเป็นทรัพย์ของบริษัทแคปปิตัลไซโล และอบพืช จำกัด ให้จำเลยกับพวกโดยแสดงกิริยาขู่เข็ญว่า ในทันใดนั้นจำเลยกับพวกจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยชักอาวุธมีดและตะกาวเหล็กซึ่งติดตัวไปดังกล่าวออกมาจะทำร้าย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เสียหายกลัวและยอมส่งมอบทรัพย์ดังกล่าวให้ จำเลยกับพวกได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลเนื่องจากผู้เสียหายไม่ยอมส่งมอบทรัพย์ดังกล่าวให้และหลบหนีไปขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365, 337, 91, 83
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362, 365, 337, 91, 83 เรียงกระทงลงโทษฐานบุกรุกให้จำคุก 4 ปี ฐานพยายามกรรโชก จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุสถานที่เกิดเหตุ จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) บัญญัติให้ฟ้องต้องมีการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ พอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเมื่ออ่านฟ้องโจทก์โดยตลอดแล้วก็พอเข้าใจ ได้ว่าสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดก็คือบริษัทแคปปิตัลไซโล และอบพืช จำกัด แม้จะมิได้ระบุว่าบริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม แต่ในตอนท้ายของคำฟ้องได้กล่าวว่าระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ตามหมายขังของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่ พ.812/2533 ซึ่งพออนุโลมได้ว่าเป็นส่วนประกอบของคำฟ้องและปรากฏว่าในสำนวนคดีหมายเลขดำที่ พ.812/2533 ซึ่งติดอยู่ตรงหน้าของสำนวนคดีนี้นั้น ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนที่ขอฝากขังจำเลยในขณะที่เป็นผู้ต้องหาได้ระบุสถานที่เกิดเหตุที่บริษัทดังกล่าวว่าอยู่ที่ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการและจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว จำเลยย่อมเข้าใจได้ดีว่าเหตุคดีนี้ที่ใดจึงได้ให้การรับสารภาพ เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่ระบุว่าชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.