โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 97, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 เพิ่มโทษจำเลยทั้งสองตามกฎหมาย นับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ย.738/2562 ของศาลชั้นต้น ริบเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อ AIS 1 เครื่อง ของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและนับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ลงโทษประหารชีวิตเมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสองแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ได้อีก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 คำให้การในชั้นจับกุมและทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต ริบเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อ AIS 1 เครื่อง ของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ย.738/2562 ของศาลชั้นต้น นั้น เนื่องจากศาลตัดสินประหารชีวิตจำเลยที่ 1 จึงไม่นับโทษต่อให้ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ย.738/2562 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.216/2563 ของศาลชั้นต้น คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า ปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์ว่า ก่อนยึดของกลางในคดีนี้ได้ ในวันเดียวกันนั้นได้มีการตรวจยึดเมทแอมเฟตามีน 1,140 เม็ด ได้ที่ห้องเช่าของจำเลยทั้งสอง แล้วจำเลยที่ 2 จึงนำเจ้าพนักงานตำรวจพร้อมจำเลยที่ 1 ไปตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางที่คอกวัวของนายเคนในเวลาต่อเนื่องกัน โดยนายเคนได้ให้การในชั้นจับกุมว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยทั้งสองนำมาซุกซ่อนในที่เกิดเหตุและฝากให้นายเคนดูแล โดยให้ค่าจ้าง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การในชั้นจับกุมว่า จำเลยทั้งสองและนายวิษณุร่วมกันไปรับ เมทแอมเฟตามีนจากบริเวณข้างถนนสายนครนายก แล้วนำมาไว้ในบริเวณที่เกิดเหตุและให้นายเคนดูแล จำเลยทั้งสองแบ่งเมทแอมเฟตามีนส่วนหนึ่งจำนวน 1,140 เม็ด มาไว้ที่ห้องเช่าเพื่อเสพและจำหน่าย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า เมทแอมเฟตามีนที่พบที่ห้องเช่าของจำเลยทั้งสองเป็นจำนวนเดียวกับเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองซุกซ่อนไว้ที่คอกวัวของนายเคน โดยจำเลยทั้งสองมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกันเป็นแต่เพียงจำเลยทั้งสองแยกเอาเมทแอมเฟตามีนบางส่วนมาไว้ที่ห้องเช่า ส่วนที่เหลือจำเลยทั้งสองซุกซ่อนไว้มิได้นำติดตัวไปเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกัน เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 1,140 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.216/2563 ของศาลชั้นต้นแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3 และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยทั้งสองไม่ได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง