โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 115,899.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 73,072 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 73,072 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 109 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า วันที่ 13 กันยายน 2554 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามแนวทางใช้มาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตของประชาชน ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ที่ซื้อไม่น้อยกว่า 5 ปี กระทรวงการคลังจะคืนเงินเท่ากับจำนวนค่าภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ดังกล่าว แต่ไม่เกินคันละ 100,000 บาท และจะคืนให้เมื่อผู้ซื้อครอบครองรถยนต์ครบ 1 ปี วันที่ 29 มิถุนายน 2555 จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น BRIO กับธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ผู้ให้เช่าซื้อราคา 552,123.60 บาท ผ่อนชำระ 84 งวด เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2555 งวดละ 7,033 บาท และทำหนังสือยินยอมสละสิทธิการโอนรถยนต์ที่เช่าซื้อภายใน 5 ปี นับแต่วันครอบครอง ต่อมาวันที่ 25 กันยายน 2555 จำเลยยื่นคำขอใช้สิทธิรับเงินคืนตามโครงการมาตรการรถยนต์คันแรก มีข้อตกลงว่าหากจำเลยผิดเงื่อนไขจะต้องนำเงินที่รับไปส่งคืนให้แก่โจทก์ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้งให้คืนเงิน ถ้าไม่คืนภายในกำหนดยินยอมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดคืนเงิน จำเลยรับเงินจากโจทก์ 73,072 บาท ต่อมาจำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อก่อนครบกำหนด 5 ปี โดยผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อเกินกว่า 3 งวดติดต่อกัน ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญา ติดตามรถยนต์คืน และประมูลขายรถตามสัญญาเช่าซื้อ โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยคืนเงินที่รับไปพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แต่จำเลยเพิกเฉย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตามคำขอใช้สิทธิและเงื่อนไขสำหรับรถยนต์ใหม่คันแรก ข้อ 8 เป็นเบี้ยปรับหรือไม่ เห็นว่า ตามคำขอใช้สิทธิและเงื่อนไขสำหรับรถยนต์ใหม่คันแรก ข้อ 8 กำหนดว่า กรณีผู้ขอใช้สิทธิมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขสละสิทธิการโอนรถยนต์ใหม่คันแรกภายใน 5 ปี ให้ครบถ้วน ผู้ขอใช้สิทธิจะต้องนำเงินที่ได้รับไปส่งคืนให้แก่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ที่ยื่นคำขอใช้สิทธิภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้งให้คืนเงิน หากผู้ขอใช้สิทธิไม่นำเงินที่ได้รับส่งคืนให้แก่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ที่ยื่นคำขอใช้สิทธิภายในกำหนดเวลา 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้งให้คืนเงิน ผู้ขอใช้สิทธิยินยอมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดคืนเงินจนกว่าจะชำระเงินคืนให้ครบถ้วน เป็นกรณีที่โจทก์เรียกดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากจำเลยหลังจากที่จำเลยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ ดอกเบี้ยดังกล่าวจึงเป็นค่าเสียหายที่คู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้า เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้จึงถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 ซึ่งหากสูงเกินส่วนศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ในการที่จะวินิจฉัยว่าสมควรเพียงใดนั้น ให้พิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าดอกเบี้ยผิดนัดดังกล่าวเป็นเบี้ยปรับนั้น ชอบแล้ว และใช้ดุลพินิจปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 15 ต่อปี เป็นอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นั้น เหมาะสมแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ