โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 291, 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 43, 78, 148, 157, 160 พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12, 60
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายสว่าง บิดาของนายสุทธิพัฒน์ จ่าสิบเอกสุรินทร์ บิดาของนางสาวจันทิมายื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมเฉพาะข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 โดยเรียกนายสว่างว่าโจทก์ร่วมที่ 1 และจ่าสิบเอกสุรินทร์ว่าโจทก์ร่วมที่ 2 ต่อมาจ่าสิบเอกสุรินทร์ถึงแก่ความตาย นางอุรา มารดาของนางสาวจันทิมายื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 43 (4), 78, 148, 157, 160 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง, 60 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานขับรถที่มีสิ่งของอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 60 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปรับ 2,000 บาท ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัสเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี ฐานขับรถก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วหลบหนีจำคุก 2 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละหนึ่งในสี่ กระทงแรกคงปรับ 1,500 บาท กระทงที่สองจำคุก 3 ปี กระทงที่สามจำคุก 1 เดือน 15 วัน รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 3 ปี 1 เดือน 15 วัน และปรับ 1,500 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ...การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยนำรถที่ไฟท้ายชำรุดเสียหายใช้การไม่ได้ออกขับไปตามท้องถนนย่อมเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย และการที่ขับในเวลากลางคืน ไฟท้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านขวาเป็นอุปกรณ์สำคัญของรถที่จะทำให้รถคันที่ตามหลังมาเห็นได้ชัดว่าเป็นรถขนาดใหญ่หรือรถจักรยานยนต์ แต่จำเลยก็ไม่ซ่อมแซมไฟท้ายดังกล่าวให้อยู่ในสภาพใช้การได้ดี นอกจากนี้จำเลยขับรถบรรทุกหินออกมาจากซอยข้างถนน ก่อนที่จะขับเข้าถนนควรที่จะดูให้ปลอดภัยก่อนว่ามีรถแล่นมาหรือไม่ แต่จำเลยไม่ได้นำพากลับขับรถออกจากซอยโดยไฟท้ายด้านขวาใช้การไม่ได้เข้าสู่ถนนหลักในระยะกระชั้นชิดกับที่ผู้ตายขับรถมา จึงเป็นเหตุให้เกิดการเฉี่ยวชนกันห่างจากปากซอยที่จำเลยขับออกมาประมาณ 38 เมตร จึงเป็นการกระทำโดยประมาทของจำเลย แม้จะฟังได้ว่านายสุทธิพัฒน์ขับรถมาด้วยความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตาม แต่บริเวณดังกล่าวเป็นทางตรงสองข้างทางส่วนมากเป็นป่า ไม่มีรถแล่น หากจำเลยระมัดระวังดูแลรถมิให้ชำรุดบกพร่อง และขับรถออกจากซอยโดยให้นายสุทธิพัฒน์ขับรถผ่านไปก่อน เหตุการณ์เฉี่ยวชนก็จะไม่เกิดขึ้น หรือหากจำเลยขับรถโดยมีไฟท้ายทั้งด้านซ้ายและด้านขวาติดสว่าง นายสุทธิพัฒน์มองเห็นย่อมจะต้องขับรถหลบหลีกรถคันที่จำเลยขับได้ ย่อมไม่เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น แม้นายสุทธิพัฒน์จะขับรถด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากขับมาถึงบริเวณดังกล่าวโดยจำเลยขับรถที่ไฟท้ายด้านขวาชำรุดหลอดไฟขาดไม่ส่องแสงให้รถคันหลังได้เห็น และขับออกจากถนนซอยโดยไม่ให้รถที่แล่นมาตามถนนหลักไปก่อนก็ย่อมต้องเฉี่ยวชนกัน จึงถือไม่ได้ว่านายสุทธิพัฒน์มีส่วนร่วมในการกระทำโดยประมาทครั้งนี้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 43 (4), 148, 157 และพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง, 60 มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 เดือนลงมา จึงมีอายุความเพียง 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (5) คดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2535 นับถึงวันฟ้องคือวันที่ 19 ตุลาคม 2538 คดีของโจทก์สำหรับความผิดตามบทมาตราดังกล่าวจึงเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง, 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 43 (4), 148, 157 และพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง, 60 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8