โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้จำหน่ายโภคภัณฑ์ไม่แสดงราคาโภคภัณฑ์ที่มีไว้สำหรับจำหน่ายตามที่กฎหมายบังคับ ขอให้ลงโทษและริบของกลาง
จำเลยรับสารภาพ แต่คัดค้านเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า นายสิบและพลตำรวจที่จับกุมจำเลยไม่มีอำนาจจับกุมหรือตรวจค้นได้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ.๒๔๙๕ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พ.ร.บ.ควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ.๒๔๙๕ เป็นกฎหมายพิเศษมี ม.๗ บัญญัติเรื่องเจ้าพนักงานไว้ เมื่อเจ้าพนักงานผู้จับจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.นี้ ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะจับกุม จำเลยจึงไม่ควรมีผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าแม้นายสิบและพลตำรวจผู้จับจำเลยจะไม่มีอำนาจจับกุมตาม พ.ร.บ.ควบคุมโภคภัณฑ์และกฎกระทรวงก็ตาม แต่เมื่อได้จับมาส่งนายร้อยตำรวจผู้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.นั้นและกฎกระทรวงจัดการสอบสวนดำเนินคดีฟ้องร้อง จำเลยก็ต้องมีผิด พิพากษากลับให้ปรับจำเลยหลังจากลดฐานสารภาพแล้ว ๒๕๐ บาท ของกลางริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาประชุมใหญ่ปรึกษาคดีเห็นว่า คดีนี้ได้มีการสอบสวนแล้วโดยชอบ อัยการย่อมมีอำนาจฟ้องและจำเลยก็รับสารภาพ ฉะนั้นการที่ผู้จับกุมจำเลยจะมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หาทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดไปได้ไม่ หากจำเลยเห็นว่าละเมิดเสรีภาพของจำเลยอย่างใด ก็ชอบจะไปว่ากล่าวเป็นอีกกรณีหนึ่ง
แต่ที่ริบของกลางนั้น ความผิดของจำเลยอยู่ที่การงดเว้นไม่ปิดป้ายแสดงราคาโภคภัณฑ์ สิ่งของที่จำเลยวางเพื่อขายจึงไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของจำเลย เทียบตามนัยฎีกาที่ ๒๐๑/๒๔๙๓
จึงพิพากษาแก้เป็นว่าของกลางไม่ริบ.