ข้อเท็ดจิงไนคดีนี้ฟังได้ว่า  นายลา, นายซาน, เด็กหยิงเคี่ยมได้พากันไปแจ้งต่อจำเลยซึ่งเปนผู้ไหย่บ้านว่านายปิ่งข่มขืนกะชำเราเด็กหยิงเคี่ยม จำเลยได้พาเหล่านั้นไปแจ้งความต่อพนักงานตำหรวด++  แต่พนักงานตำหรวดอำเพอปทุมวามีไม่รับคำร้องทุข  ว่าเกิดเหตุไนอำเพอจตุรทักตร์พิมาน  นายสา++เด็กหยิงเคี่ยมจึงไปร้องทุขเองโดยลำพังที่สถานีตำหรวดจตุรพักตร์พิมาน  โดยจำเลยบอกว่าจะตามไปพายหลัง  ต่อมาพนักงานสอบสวนได้เรียกจำเลยมาสอบสวนในเรื่องนี้  จำเลยไห้การว่า นายถาไปไปแจ้งต่อจำเลยเพียงว่าเด็กหยิงเคี่ยมหนีไปจากนายลา  นายลามิได้แจ้งว่านายปิ่งข่มขืนกะชำเราเด็กหยิงเคี่ยม  โจทจึงขอไห้ลงโทสจำเลยตาม ม.๑๕๔(๒)
อนึ่งเมื่อสืบพยานโจทหมดแล้ว  โจทอื่นคำร้องขอเพิ่มคำขอท้ายฟ้องขอไห้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๑๘ ด้วยอ้างว่าคำ+ท้ายฟ้องเดิมยังบกพร่อง ซึ่งจำเลยคัดค้านและสาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต
สาลชั้นต้น  พิจารนาแล้ว  พิพากสายกฟ้องโจท
โจทอุธรน์ทั้งคำพิพากสาและคำสั่ง  สาลอุธรน์ฟังว่าคำร้องของโจทที่ขอเพิ่ม+ความผิดนั้นมีเหตุอันควนแล้ว  จึงอนุญาตไห้เพิ่มถานความผิดตาม ม. ๑๑๘ ได้ ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยจะมีความผิดตาม ม. ๑๕๔(๓)  สาลอุธรน์เห็นว่าจำเลยไม่ผิด  แต่จำเลยผิดตาม ม. ๑๑๘  จึงพิพากกลับไห้จำคุกจำเลย ๒ เดือนถานแจ้งความเท็ด
โจทจำเลยดีกา  สาลดีกาเห็นว่าจะลงโทสจำเลยตาม ม. ๑๕๔(๒)  ยังไม่ได้  เพราะคดีโจทยังไม่สแดงว่าจำเลยได้ไห้การเช่นนั้นด้วยเจตนาจะช่วยผู้อื่นไห้พ้นอาญาตามกดหมาย ส่วนดีกาจำเลย+ที่สาลอุธรน์อนุญาตไห้โจทแก้ฟ้องโดยเพิ่มเติมถานความผิดนั้น  สาลดีกาเห็นว่า  การจะขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องจะต้องมีเหตุอันควร โจทจึงจะมีอำนาดยื่นคำร้องได้การที่โจทกล่าวสั้น ๆ ว่าฟ้องเดิมยังบกพร่องหยู่นั้นไม่เปนการสแดงเหตุผลอันสมควนหย่างไดเลย  จึงพิพากสากลับไห้บังคับคดีไปตามคำสั่งและคำพิพากสาของสาลชั้นต้น.