โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังหลบหนีอีก ๑ คน  บังอาจร่วมกันเป็นคนร้ายลักแป้งมันสำปะหลังของเจ้าทรัพย์  หรือบังอาจร่วมกันรับเอาแป้งดังกล่าวที่ถูกลักไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์  ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๓๕, ๓๕๗, ๘๓  และขอให้คืนของกลางแก้เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยที่ ๑  ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ ๒  ให้การรับสารภาพในข้อหาฐานรับของโจรตามฟ้องจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑  มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๓๕, ๘๓  วางโทษจำคุก ๙ เดือน  จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๕๗  ให้วางโทษจำคุก ๘ เดือน  ลดรับแล้วเหลือจำคุกจำเลยที่ ๒ สี่เดือน  คืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยที่ ๑  อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า  จำเลยที่ ๑  มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕  ประกอบด้วยมาตรา ๘๖ ให้จำคุกจำเลยที่ ๑  หกเดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑  ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า  โจทก์ฎีกาทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย  แต่โดยเฉพาะสำหรับปัญหาข้อเท็จจริงนั้น  ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา ๒๒๐  เพราะศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ เพียง ๙ เดือน  ซึ่งไม่เกิน ๑ ปี    แต่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยที่  ๑ เพียง ๖ เดือน  ซึ่งไม่เกินกำหนด ๑ ปี เช่นกัน  แม้ศาลอุทธรณ์จะได้พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๓๕  ประกอบด้วยมาตรา ๘๖ ก็ตาม  ส่วนในปัญหาข้อกฎหมายนั้น  ข้อเท็จจริงรูปคดีน่าเชื่อว่าจำเลยที่ ๑  รู้เท่าถึงการณ์แล้ว  ฯลฯ  และการที่จำเลยที่ ๑  จอดเรือห่างจากข้างหลังโกดัง ๑ ระยะ ๓๐ วา  และอยู่ในเรือคอยรับแป้งลงเรือ  อันมิใช่รับส่งของกันในที่เกิดเหตุ  ซึ่งเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดนั้น  จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๓๕  ประกอบด้วยมาตรา ๘๖  พิพากษายืน