โจทฟ้องว่าจำเลยพาฝิ่นหนัก ๕๐ กรัมบันจุนลอด ๑๐๐ หลอด ราคา ๗๐ บาทออกจากร้านฝิ่นที่จำเลยได้รับอนุญาตไห้ตั้งจำหน่าย
ได้ความว่านายตรวดสรรพสามิตซาบว่า จำเลยนำฝิ่นมา จึงไปชุ่มหยู่ไกล้กับร้านฝิ่นของจำเลย เห็นจำเลยนั่งเรือจากที่อื่นมาจอดท่างร้านฝิ่นของจำเลยสัก ๑๐ วาพอจำเลยขึ้นจากเรือมาเล็กน้อย เจ้าพนักงานก็เขาตรวดค้นได้ฝิ่นของกลาง ๑๐๐ หลอดไนกะเป๋ากางเกงของจำเลยส่วนฝิ่นไนร้านของจำเลยนั้นมีตรงตามยอดบัญชีฝิ่นของกลางหยู่นอกบัญชีของจำเลย ถ้านับรวมเข้าไปก็เกินบัญชี
สาลชั้นต้นพิพากสาลงโทสและไห้ริบของกลาง
สาลอุธรน์พิพากสายกฟ้องโจท แต่ของกลางไห้ริบตามมาตรา ๖๙ แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ส.๒๔๗๒
โจทจำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่า ไนคดีเช่นนี้แม้จำเลยจะไห้การรับว่าได้พาฝิ่นออกจากร้านที่จำเลยได้รับอนุญาติไห้ตั้งจำหน่ายตามที่โจทกล่าวไนฟ้องก็ดี แต่เมื่อจำเลยอ้างว่าการกะทำของจำเลยไม่เปนความผิดและสาลได้สืบพยานหลักถานโจทแล้ว ข้อเท็ดจิงไนทางพิจารนากลับปรากตว่า จำเลยมิได้พาฝิ่นออกจากที่จำเลยได้รับอนุญาตไห้ตั้ง สาลก็ต้องยกฟ้อง ส่วนดีกาของจำเลยที่มิไห้ริบฝิ่นของกลางนั้น คดีปรากตว่าจำเลยมีไว้ซึ่งฝิ่นและสแดงไม่ได้ว่าได้รับไบอนุญาตไห้มีฝิ่นนั้นไนขนะนั้นได้ตามกดหมายแต่ประการไดเลย ฝิ่นของกลางจึงเปนเครื่องไห้เกิดความผิดตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น ๒๔๗๒ และมาตรา ๖๙ ได้บัญญัติไห้สาลสั่งริบ จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์