ได้ความว่ากำนันใช้ให้ ย. ผู้ใหญ่บ้านไปตามจับจำเลยเรื่องหมิ่นประมาทและบุกรุกที่ อ.  บ.ใช้ให้ ป. ไปตามจำเลยอีกต่อหนึ่ง  จำเลยกล่าวว่า "ผู้ใหญ่บ้านหมา ๆ เย็ดแม่" ดังนี้  มีปัญหาว่า
(๑) จำเลยจะมีผิดฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานซึ่งการะทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และ  (๒)  การที่จำเลยกล่าวคำหยาบด่าผู้ใหญ่บ้านลับหลังจะมีผิดตาม ม.๑๑๖ หรือไม่
ศาลล่างทั้ง  ๒  ตัดสินให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า  (๑) การที่ บ.ผู้ใหญ่บ้านได้รับคำสั่งกำนันให้จับจำเลย  และ บ.ใช้ให้ ป. ไปตามจำเลยนั้น เรียกว่า บ. ได้ทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายตาม พรบ ปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗  ม.๒๘ ข้อ ๕  (๒)  ตาม ม.๑๑๖ มิได้บัญญัติว่าต้องหมิ่นประมาทต่อหน้าเจ้าพนักงานเท่านั้นจึงจะมีผิด  แม้จะหมิ่นประมาทลับหลังก็ต้องมีผิดด้วย  เพราะถ้ากฎหมายไม่ลงโทษผู้หมิ่นประมาทเจ้าพนักงานในเวลาลับหลังแล้ว  ก็จะเปนการบำรุงความแข็งกระด้างให้เกิดในหมู่ประชาชน เปนเหตุให้ราษฎรไม่มีความเคารพต่อเจ้าพนักงานจึงตัดสินกลับศาลล่างให้ปรับจำเลย ๑๕ บาทตาม ม.๑๑๖
ส่วนข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยด้วยนั้นปรากฏว่าในคดีก่อนศาลตัดสินให้รอการลงอาญาจำเลยไว้ บัดนี้จำเลยทำผิดขึ้นอีกภายในเวลาที่รอการลงอาญา  และคดีนี้ศาลตัดสินให้ปรับอย่างเดียวดังนี้  ตาม ม.๔๒  มีความหมายถึงโทษครั้งหลังว่าต้องเปนโทษถึงจำคุกด้วย  เพราะมีคำว่าให้เอาอาญาทั้ง ๒ ครั้งบวกกัน  เมื่อความผิดของจำเลยครั้งหลังไม่ถึงจำคุก ก็ยกเอาโทษที่รอไว้มาลงแก่จำเลยไม่ได้  ทั้งจะเพิ่มโทษก็ไม่ได้อีก  เพราะการเพิ่มโทษตามาตรานี้ต้องอาศัยหลักดังกล่าวมาแล้วด้วย  ส่วนการเพิ่มโทษตาม ม.๗๒  นั้น   ควรเพิ่มต่อเมื่อผู้ทำผิดได้รับโทษครั้งก่อนและพ้นโทษไปแล้ว  คดีนี้จึงเพิ่มโทษจำคุกตาม ม.๗๒ ไม่ได้  จึงให้ยกคำขอโจทก์ข้อนี้เสีย
เห็นว่าเรื่องเพิ่มโทษนั้นตามมาตรา ๔๒ น่าจะเพิ่มได้  เพราะเมื่อพ้น ๔ ปีแล้ว ก็ให้ยกโทษที่รอเสียทีเดียว เทียบฎีกา+ ซึ่งเปนบทบังคับให้เพิ่มทีเดียว  ไม่ใช่อยู่ในดุลยพินิจของศาล
เมื่อได้วินิจฉัยว่า ม.๔๒ ตอน ๒ ใช้ได้ต่อเมื่อโทษครั้งหลังเป็นโทษ+ก็เป็น+เพิ่มโทษตาม ม.๔๒ + ฎีกาที่ ๗๙๕/๖๙ โทษครั้งหลังเป็นโทษจำคุก จึง+เพิ่ม ตาม ม.๔๒