ได้ความว่าจำเลยเปนครูใหญ่โรงเรียนกรรณสูตร์ศึกษาลัย  ได้ทำโทษเด็กชาย  ล.บุตร์โจทก์ซึ่งเปนนักเรียน  โดยให้เปลื้องกางเกงออกนอนคว่ำลงตีด้วยกิ่งมะขามตามก้นและขา  ๑๒ ที  มีบาดแผลโลหิตไหล  ๑๓ แห่ง  ฟกช้ำเขียว ๕ แห่ง  บาดแผลระบมทำให้เด็กชาย  ล.เปนไข้อยู่ ๖ -๗ วัน เนื่องจากเด็กชาย ล.ได้พูดว่า "จะฉะนางศิริ (คือภรรยาจำเลย)  ให้ท้องโต"  โจทก์ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๔๖-๒๕๕-๗๑
ศาลล่างทั้ง  ๒ ตัดสินว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๒๕๔ ให้จำคุก ๒ เดือน ปรับ ๒๐๐ บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ม.๕๙  คงจำคุก ๑ เดือน ปรับ  ๑๐๐ บาท  ส่วนโทษจำให้ร่อการลงอาญาไว้ตาม ม.๔๑-๔๒
โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลล่างหลายข้อ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ฎีกาโจทก์ข้อที่ว่าศาลปราณีลดโทษให้จำเลยก็ดี  ศาลรอการลงอาญาแก่จำเลยก็ดี  หรือการกำหนดโทษแก่จำเลยก็ดี  เมื่อศาลได้ใช้ดุลยพินิจไม่ผิดบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว  โจทก์ฎีกาในข้อเหล่านี้ไม่ได้ส่วนข้อที่ว่าการกระทำของจำเลยเปนผิดฐานอนาจารตาม ม.๒๔๖ อีกกะทงหนึ่ง  กับการที่จำเลยแก้ผ้าเฆี่ยน  ล. เปนการแสดงความดุร้ายทารุณเปนผิดตาม ม.๒๕๕  ไม่ใช่ ม.๒๕๔ นั้น เปนปัญหากฎหมาย   และเห็นว่าการที่ครูเฆี่ยนตีศิษย์โดยเปลื้องผ้านุ่งออกนั้น ยังหามีความผิดฐานกระทำอนาจารไม่ ส่วนข้อโจทก์ว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๒๕๕ ไม่ใช่ ม.๒๕๔ ข้อ ๑ นั้น ได้พิจารณาดู ม.๒๕๕ ประกอบกับ ม.๒๕๐ แล้ว ก็ไม่เข้าลักษณใดลักษณหนึ่งดังจำแนกไว้ในข้อ ๑ ถึง ๖ จึงตัดสินยืนตามศาลล่าง