ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเพื่อบังคับคดีเป็นของผู้ร้องซื้อมาโดยสุจริต ฯ ขอให้สั่งถอนการยึด
โจทก์ต่อสู้ว่า ผู้ร้องรับโอนมาโดยสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดีของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ผู้ร้องได้รับโอนที่พิพาทโดยสุจริตถูกต้องตามกฎหมาย พิพากษาให้ปล่อยการยึดที่พิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์นำสืบถึงความไม่สุจริตไม่ได้ และเห็นว่าโฉนดที่ดินหมาย ร.1 ที่ผู้ร้องอ้างเป็นเอกสารเป็นชุด มีอยู่ที่สำนักงานทะเบียนที่ดินอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งโจทก์สามารถตรวจตราให้ทราบโดยง่ายถึงความมีอยู่และความแท้จริงแห่งเอกสารนั้น จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องส่งสำเนาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90(1) พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยฎีกาในข้อกฎหมายเกี่ยวกับปัญหาข้อหลังนี้ว่าโฉนดไม่ใช่เอกสารชุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1)ผู้ร้องจึงต้องอ้างโดยส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันพิจารณา เมื่อไม่ส่งศาลก็ชอบที่จะไม่รับไว้พิจารณา
ศาลฎีกาพิจารณามาตรา 90 (1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อันเป็นข้อยกเว้นให้คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงพยานหลักฐานเป็นชุดไม่จำต้องยื่นหรือส่งสำเนาเอกสารแล้ว เห็นว่า โฉนดไม่ใช่เอกสารเป็นชุด จะมีขึ้นสำหรับที่ดินแปลงใดก็เพียง 2 ฉบับ โดยทำเป็นอย่างเดียวกัน อยู่ที่หอทะเบียนที่ดิน 1 ฉบับ และที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ 1 ฉบับ หาได้ออกเป็นชุดไม่ แต่ถึงกระนั้นก็เห็นว่าสำหรับคดีนี้ โฉนดที่อ้างเป็นเอกสารของทางราชการออกให้ ข้อความในเอกสารนั้นย่อมเป็นที่เชื่อถือได้ แม้ผู้ร้องจะยื่นต่อศาลในวันสืบพยานเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 90 ก็ดี แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังได้ตามมาตรา 87(2)
พิพากษายืน