ได้ความว่าจำเลยทั้ง ๔ คนนี้ได้ทำการเผาถ่านโดยจำเลยที่ ๔ เปนคนไทยและเปนนายจ้างส่วนจำเลยที่ ๑-๒-๓ เปนคนสัญชาติจีนและเปนลูกจ้างทำการเผา จึงขอไห้สาลลงโทส และริบของกลาง
สาลชั้นต้นและสาสอุธรน์วินิฉัยต้องกันว่าจำเลยที่ ๑-๒-๓ มีความผิดตาม พ.ร.บ. ช่วยอาชีพและวิชาชีพ พ.ส. ๒๔๘๔ ม. ๓,๔,๕, ประกอบด้วยพระราชกริสดีกากำหนดอาชีพและวิชาชีพสำหรับฉะเพาะคนไทย ๒๔๘๕ ม. ๓,๔. คงปรับคนละ ๑๐๐ บาทส่วนจำเลยที่ ๔ เปนคนไทยไม่มีผิดไห้ปล่อยตัวไป ส่วนถ่านของกลางไม่ไช่สิ่งมิได้มาโดยการกะทำผิดจึงไม่ริบ
โจทดีกาว่า ก.ม. อาญา ม. ๑๗๔ และ ๖๔. จำเลยที่ ๔ ต้องมีความผิด เพราะไช้ไห้จำเลยที่ ๑-๒-๓ เผาถ่านโดยรู้หยู่แล้วว่าจำเลยเหล่านั้นกดหมายห้ามไม่ไห้เผาถ่าน สาลดีกาเห็นว่าการเผาถ่านไม่เปนความผิดไนตัวเอง จะว่าจำเลยที่ ๔ ไช้ไห้จำเลยอื่นไปกะทำความผิดก็ไม่ได้ กดหมายห้ามฉะเพาะบุคคลบางจำพวกไม่ได้เผาถ่าน และโจทดีกาอีกว่าถ่านของกลางสาลควนริบตาม ม. ๒๗ ก.ม. อาญา สาลดีกาเห็นว่าเมื่อการเผาถ่านไม่เปนความผิดไนตัวเองแล้วถ่านที่เผาได้ก็ไม่ไช่ของที่ได้มาโดยการกะทำผิดอันจะริบได้พิพากสายืนตาม.