โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งแปดจดทะเบียนการเช่าพื้นที่ดาดฟ้าอาคารพาณิชย์เลขที่ 240/5, 240/6, 240/9 และ240/10 หมู่ที่ 11 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 238400,238401, 230977 และ 230910 มีกำหนด 30 ปี ให้แก่โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยทั้งแปดทำหนังสือยินยอมให้โจทก์ที่ 2ติดตั้งป้ายโฆษณาบนพื้นที่ดาดฟ้าดังกล่าวมีกำหนด 30 ปี หากจำเลยทั้งแปดไม่ยินยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและให้ร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน240,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จกับค่าเสียหายอีกเดือนละ 10,0.00 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งแปดจะจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ที่ 2
จำเลยทั้งแปดให้การต่อสู้คดีว่า สัญญาเช่าพื้นที่ดาดฟ้าอาคารพิพาทไม่ผูกพันจำเลยทั้งแปด ต่อมาจำเลยที่ 1 มีหนังสือยกเลิกการมอบอำนาจต่อเจ้าพนักงานที่ดินและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน การติดตั้งป้ายโฆษณาของโจทก์ที่ 1 ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยทั้งแปดจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งแปดจดทะเบียนการเช่าพื้นที่ดาดฟ้าอาคารพาณิชย์เลขที่ 240/5, 240/6, และ 240/10 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 238400, 238401, 230977 และ 230910ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่ละคนให้แก่โจทก์ที่ 2 หากจำเลยทั้งแปดไม่ยินยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 72,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและให้ใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องยกฟ้องโจทก์ที่ 1
จำเลยทั้งแปดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งแปดใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป แต่ค่าเสียหายส่วนนี้ให้คิดได้ไม่เกิน 3 ปี ตามที่โจทก์มีสิทธิตามสัญญาเช่าให้ยกคำขอของโจทก์ที่ว่าให้จำเลยทั้งแปดจดทะเบียนการเช่าพื้นที่ดาดฟ้าอาคารพาณิชย์เลขที่ 240/5, 240/6, 240/9 และ240/10 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 238400, 238401, 230977และ 230910 หากจำเลยทั้งแปดไม่ยินยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนานอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่าจำเลยที่ 1 ตกลงซื้อที่ดินและอาคารพิพาทจากโจทก์ที่ 1 รวม4 คูหา ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 (ล.1 ถึง ล.4) และเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารพิพาทจำเลยที่ 1 ขอให้โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 2ถึงที่ 8 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย โจทก์ที่ 1 จึงโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยทั้งแปดถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ในการตกลงซื้อที่ดินและอาคารพิพาทดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้ทำบันทึกข้อตกลงไว้ท้ายสัญญาจะซื้อจะขายยินยอมให้โจทก์ที่ 1 หรือตัวแทนติดป้ายโฆษณาบนพื้นที่ดาดฟ้าอาคารพิพาทมีกำหนด 30 ปี โดยไม่มีค่าตอบแทนและต่อมาจำเลยทั้งแปดได้ทำสัญญาให้โจทก์ที่ 2 เช่าพื้นที่ดาดฟ้าอาคารพิพาทเพื่อติดตั้งป้ายโฆษณามีกำหนด 30 ปี ตามสัญญาเช่าทรัพย์สินเอกสารหมาย จ.10 โจทก์ที่ 2 ได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนการเช่าต่อเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว แต่ไม่สามารถจดทะเบียนการเช่าในวันนั้นได้เพราะเจ้าพนักงานที่ดินต้องประกาศให้ผู้มีส่วนได้เสียคัดค้านมีกำหนด 30 วัน จำเลยทั้งแปดจึงทำหนังสือมอบอำนาจให้นางสุกัญญา ฤกษ์อำนวยชัย ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 2 เป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนการเช่าแทนแต่ในระหว่างนั้นจำเลยทั้งแปดได้ขอยกเลิกการมอบอำนาจดังกล่าวและเมื่อครบกำหนดตามที่เจ้าพนักงานที่ดินประกาศ จำเลยทั้งแปดไม่ไปจดทะเบียนการเช่าพื้นที่ดาดฟ้าอาคารพิพาทให้โจทก์ที่ 2
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ 2 ประการแรกว่าโจทก์ที่ 2 ฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งแปดจดทะเบียนการเช่าพื้นที่ดาดฟ้าอาคารพิพาทเพื่อติดตั้งป้ายโฆษณามีกำหนดเวลา30 ปี ได้หรือไม่ เห็นว่าสัญญาเช่าที่โจทก์ที่ 2 กับจำเลยทั้งแปดทำไว้ตามเอกสารหมาย จ.10 นั้น ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติธรรมคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์ที่ 2 และจำเลยทั้งแปดมีเจตนาที่จะจดทะเบียนการเช่าและได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนการเช่าต่อเจ้าพนักงานแล้วแต่ไม่สามารถจดทะเบียนการเช่าให้เสร็จในวันเดียวกันได้เพราะต้องประกาศให้ผู้มีส่วนได้เสียคัดค้านก่อนมีกำหนดเวลา 30 วัน การที่จำเลยทั้งแปดได้ขอยกเลิกหนังสือมอบอำนาจที่มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 2 ดำเนินการจดทะเบียนการเช่าดังกล่าวแทนจำเลยทั้งแปดในเวลาต่อมาเป็นเหตุให้โจทก์ที่ 2 ไม่สามารถจดทะเบียนการเช่าได้นั้นจึงเป็นการไม่ชอบ ดังนั้น การที่โจทก์ที่ 2 ฟ้องร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งแปดจดทะเบียนการเช่าจึงเป็นการขอให้จำเลยทั้งแปดปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้การเช่าได้มีการจดทะเบียนซึ่งจะทำให้มีผลบังคับเต็มระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่า กรณีมิใช่การฟ้องร้องขอให้บังคับตามสัญญาเช่าหรือโดยอาศัยสิทธิแห่งสัญญาเช่าซึ่งฟ้องร้องให้บังคับคดีได้เพียง 3 ปี ดังที่จำเลยทั้งแปดอ้าง โจทก์ที่ 2 จึงฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งแปดจดทะเบียนการเช่าได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538
ปัญหาข้อต่อไปมีว่า ค่าเสียหายเป็นรายเดือนนับถัดจากวันฟ้องนั้น โจทก์ที่ 2 มีสิทธิได้รับไปจนกว่าจำเลยทั้งแปดจะจดทะเบียนการเช่าให้แก่โจทก์ที่ 2 หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทั้งแปดไม่ไปจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ที่ 2 ย่อมเป็นเหตุให้โจทก์ที่ 2 ไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์บนดาดฟ้าอาคารพิพาทได้ ทำให้โจทก์ที่ 2 เสียหาย โจทก์ที่ 2 จึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายไปจนกว่าจำเลยทั้งแปดจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ที่ 2
อนึ่ง ที่จำเลยทั้งแปดแก้ฎีกาว่า โจทก์ที่ 2 ไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 2 ในส่วนค่าเสียหายนั้น เป็นการขอนอกเหนือไปจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องฎีกา จะขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น