โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 157
จำเลยให้การรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นายศุภกร โพธิ์กิ่ง บุตรผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายหลายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี กำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติไว้ โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ไม่รอการลงโทษ ไม่ลงโทษปรับ และไม่คุมความประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยขับรถยนต์คันเกิดเหตุในเวลากลางคืนด้วยความเร็วสูงเกินสมควร ผ่านทางร่วมทางแยกและยังเป็นเขตชุมชนในขณะเดียวกันผู้ตายก็ขับรถจักรยานยนต์มาในทิศทางตรงกันข้ามและแล่นเลี้ยขวาผ่านทางร่วมทางแยกทันทีโดยไม่หยุดรอรถก่อนถึงทางร่วมทางแยก เพื่อให้รถที่จำเลยขับมาผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน เป็นเหตุให้รถทั้งสองคันเกิดการเฉี่ยวชนกันในช่องทางเดินรถของจำเลย รถยนต์ทั้งสองคันเสียหายและผู้ตายถึงแก่ความตายซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นที่เห็นได้ว่าเกิดความประมาทของทั้งสองฝ่าย หาได้เป็นเหตุที่เกิดจากความประมาทของจำเลยเพียงผู้เดียวแต่อย่างใด และข้อเท็จจริงได้ความตามฎีกาจำเลยซึ่งไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้านว่า ภายหลังเกิดเหตุจำเลยก็มิได้หลบหนี้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จำเลยมีอาชีพการงานเป็นหลักแหล่ง และมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว กรณีจึงมีเหตุสมควรปรานีจำเลยโดยการรอการลงโทษจำคุกไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยได้ประพฤติตนเป็นคนดีต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบจึงสมควรลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งและกำหนดมาตรการในการคุมความประพฤติจำเลยไว้ด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
อนึ่ง ข้อเท็จจริงที่รับฟังได้เป็นยุติตามฟ้องโจทก์ว่า ผู้ตายมีส่วนประมาทอยู่ด้วยจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) ผู้สืบสันดานของผู้ตายย่อมไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้ตายได้ตาม มาตรา 5 (2) และไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ตามมาตรา 30 ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นายศุภกร โพธิ์กิ่ง เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วย มาตรา 225"
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 10,000 บาท อีกสถานหนึ่ง เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 5,000 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง ตามระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเป็นสมควรกำหนด มีกำหนด 2 ปี กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่จำเลยและพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร มีกำหนด 30 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของนายศุภกร โพธิ์กิ่ง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3