ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดจ่ายเงินวางศาลกรณีลูกหนี้มีหนี้อื่นตามคำพิพากษา เพื่อบังคับคดีตามสิทธิเจ้าหนี้
จำเลยที่ 1 ในฐานะพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 2 จ่ายค่าจ้างจำนวน 8,000 บาท และคืนเงินประกันการทำงานจำนวน 3,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 11,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 2 โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 ยักยอกเงินโจทก์ และขอให้บังคับจำเลยที่ 2 คืนเงินที่ยักยอก ศาลแรงงานกลางพิพากษายกคำขอของโจทก์ที่ให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินที่ยักยอกไปจำนวน 77,281.25 บาท โจทก์ยื่นคำร้องขอให้งดการจ่ายเงินที่โจทก์นำมาวางศาลก่อนฟ้องคดีให้แก่จำเลยที่ 2 ดังนี้เห็นว่า วัตถุประสงค์ของการวางเงินตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 125 วรรคสาม ก็เพื่อเป็นหลักประกันว่าเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วและนายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายเงิน ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างที่ถึงแก่ความตายจะได้รับเงินตามจำนวนที่มีสิทธินั้น เงินที่นายจ้างนำไปวางจึงยังไม่ตกเป็นของลูกจ้าง สำหรับกรณีนี้แม้จะยุติว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเนื่องจากศาลแรงงานกลางพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 แต่ศาลแรงงานกลางก็พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินที่จำเลยที่ 2 ยักยอกไป จำเลยที่ 2 จึงอยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ในหนี้เงินที่จำเลยที่ 2 ยักยอกไป โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามกฎหมาย การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางงดการจ่ายเงินที่โจทก์ได้วางศาลไว้ก่อนฟ้องคดีนั้นเป็นกรณีที่โจทก์ร้องขอก่อนที่ศาลแรงงานกลางจะมีคำสั่งให้จ่ายเงินที่โจทก์วางไว้ต่อศาลดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 125 วรรคสี่ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์และเพื่อบังคับตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 2 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ดังกล่าว เป็นการร้องขอตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 58 ซึ่งโจทก์สามารถกระทำได้และกรณีสมควรมีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์เพื่อบังคับตามคำพิพากษาต่อไป โดยให้งดการจ่ายเงินส่วนที่โจทก์วางต่อศาลแรงงานกลางก่อนฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ไว้ก่อน