โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 83, 91, 251, 252, 264, 265 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82 และริบหนังสือเดินทางของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 251, 252, 264, 265, 83 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82 ความผิดฐานปลอมดวงตรากระทรวงการต่างประเทศ ฐานใช้รอยตราปลอม ฐานปลอมเอกสารราชการ และฐานใช้เอกสารราชการปลอมเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 251 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 3 ปีกระทงหนึ่ง และลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82 จำคุก 3 ปี อีกกระทงหนึ่ง รวม 2 กระทงจำคุก 6 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 3 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยถูกเจ้าพนักงานจับและได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างการสอบสวน จนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน 6 เดือน นับแต่วันปล่อยชั่วคราวระยะเวลาที่พ้น6 เดือนนั้น พนักงานสอบสวนมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังบัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 113 วรรคสอง กล่าวคือมิได้ส่งผู้ต้องหามาศาลและยื่นคำร้องขอหมายขังผู้ต้องหาไว้ ถือว่าการควบคุมผู้ต้องหาไม่ชอบ และการสอบสวนที่มีขึ้นในระยะเวลาดังกล่าวเป็นการสอบสวนไม่ชอบ พนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจยื่นฟ้องคดีต่อศาลนั้น เห็นว่าตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 113 วรรคหนึ่ง มีความหมายว่าในระหว่างสอบสวนพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณีมีอำนาจปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวมีระยะเวลาอย่างสูงไม่เกินหกเดือน นับแต่วันแรกที่มีการปล่อยชั่วคราว เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าว พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณีไม่มีอำนาจควบคุมผู้ต้องหาต่อไปอีกเท่านั้น สำหรับการสอบสวนหากมีความจำเป็นต้องทำให้เสร็จ ก็คงดำเนินการต่อไปได้เพราะไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายห้ามไว้ส่วนมาตรา 113 วรรคสองบัญญัติว่า "เมื่อการปล่อยชั่วคราวสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่งแล้ว ถ้ายังมีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมผู้ต้องหาไว้ต่อไปให้ส่งผู้ต้องหามาศาลและให้นำบทบัญญัติ มาตรา 87 วรรคสี่ ถึงวรรคเก้ามาใช้บังคับ"เห็นว่า แม้การไม่ปฏิบัติตามมาตรา 113 วรรคสองดังกล่าวทำให้ผู้ต้องหาพ้นจากการควบคุม แต่ก็มิใช่บทบังคับให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการจำต้องส่งผู้ต้องหามาศาลและยื่นคำร้องขอหมายขังผู้ต้องหาไว้เสมอไป เว้นแต่มีความจำเป็นต้องควบคุมผู้ต้องหาต่อไปอีก กรณีหาได้เกี่ยวข้องกับปัญหาว่าการสอบสวนชอบหรือมิชอบแต่ประการใดไม่นอกจากนี้การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนดังบัญญัติไว้ตามมาตรา 113 วรรคสอง ดังกล่าวก็หาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายห้ามพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลไม่
พิพากษายืน