โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การรับสารภาพ  และว่าแทงผู้ตายไปด้วยความกลัว  เพราะถูกผู้ตายใช้ไม้ถ่อตีจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘  ให้จำคุก ๑๖ ปี  ลดโทษฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘  คงให้จำคุก ๘ ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษเบาลงอีก  และว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำร้ายผู้ตายเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ  ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  เหตุที่จะเกิดทำร้ายกันขึ้นนี้  ก็โดยผู้ตายก่อเหตุขึ้นก่อน  กล่าวคือ  เมื่อจำเลยต่อว่าผู้ตาย  สงสัยว่าผู้ตายลักปลา  ผู้ตายได้ด่าว่าจำเลยและแสดงอาการจะเข้าทำร้ายจำเลย  จำเลยถ่อเรือหนี  ผู้ตายก็ยังถ่อเรือไล่ตามจะทำร้ายจำเลยอีก  ครั้นตามไปทันผู้ตายได้ใช้ไม้ถ่อยาวประมาณ ๑ วาเศษตีจำเลยก่อน  จำเลยยกไม้ถ่อขึ้นรับ  ผู้ตายตีจำเลยอีกประมาณ ๒๐ ที  จำเลยจึงตีตอบไปบ้าง  ขณะตีกัน  จำเลยถูกผู้ตายตีที่ศีรษะด้านบนบวมปูด  ถูกหลังมือและนิ้วบวมหนังถลอก  และเมื่อผู้ตายตกลงไปในน้ำยืนตั้งหลักได้ดีกว่าอยู่บนเรือ  ผู้ตายได้ตีจำเลยอีกอย่างรุนแรงจนปลายไม้ถ่อของจำเลยหักหลุดกระเด็น  ผู้ตายก็ยังตีจำเลยอยู่จนเรือจำเลยล่ม  จำเลยตกลงไปในน้ำ  ถ่อหลุดจากมือ  จำเลยไม่มีโอกาสจะหลีกเลี่ยงจากการถูกทำร้ายได้  และจำเลยไม่มีโอกาสจะเลือกอาวุธอื่นใดมาใช้ได้ทัน  จึงต้องหยิบมีดสะปริงซึ่งใบมีดยาวเพียงเท่านิ้วชี้จากกระเป๋ากางเกงที่มีอยู่แทงผู้ตายไป  การที่จำเลยแทงผู้ตายก็เพราะขณะนั้นจำเลยกำลังตกอยู่ในระหว่างภยันตรายร้ายแรงซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้า  อันเป็นเวลากระทันหันและพัวพันกันอยู่  พฤติการณ์ที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายนั้นมีเหตุผลอันสมควร  เพราะถ้าไม่ทำดังนั้น  จำเลยอาจถูกผู้ตายใช้ไม้ถ่อตีและแทงทำร้ายถึงตายได้  การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๖๘  พิพากษายืน  ยกฎีกาโจทก์