คดีนี้จำเลยให้การไว้ในชั้นอำเภอไต่สวนในคดีที่ ส.แล ล.ต้องหาว่าพยายามฆ่า ผ.ว่าได้ยินเสียงปืนดังทาง ส. ๑ นัด แล้วได้ยิน ผ.ร้องระบุว่า ส.ยิงประเดี๋ยวหนึ่งจึงได้ยิน ส.ร้องว่า ผ.ฟันเอาแล้ว แล้วได้ยินเสียงปืนดังอีก ๑ นัด ครั้นอัยยการฟ้อง ส.กับ ล.ต่อศาล จำเลยกลับเบิกความในชั้นศาลไปอีกอย่างหนึ่งว่า ได้ยิน ส.ร้องขึ้นก่อนว่าคนฟันเอา แล้วจึงได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ๒ นัด แล้วได้ยินเสียง ผ.ร้องขึ้นว่า ส.ยิง โดยจำเลยรู้อยู่ว่าคำให้การที่จำเลยให้การไว้ชั้นอำเภอนั้นเป็นเท็จโจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๑๘
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาให้จำคุกจำเลย ๓ เดือนตามมาตรา ๑๑๘
จำเลยฎีกาว่า ต.ซึ่งต้องหาเป็นจำเลยในคดีเดียวกัน ศาลพิพากษาให้ปล่อยแต่ลงโทษจำเลยโจทก์จะต้องพิศูจน์ความจริงว่ามิได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้น
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อที่ว่าข้อหาชนิดนี้โจทก์มีหน้าที่จะต้องสืบด้วยหรือว่าเหตุการณ์มิได้เกิดขึ้นจริงนั้น เห็นว่าคดีแจ้งความเท็จนั้น เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ไม่สำคัญ ถ้าจำเลยเอาความที่รู้เห็นหรือมิได้รู้เห็นไปแจ้งให้ผิดความจริง แลโจทก์สืบได้ว่าจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จก็พอลงโทษได้แล้วตามกฎหมาย จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง