โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ, 83 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 30,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (7), 335 วรรคสาม (ที่ถูกเป็นมาตรา 335 (1) (7) วรรคสาม) ประกอบมาตรา 336 ทวิ จำคุกคนละ 7 ปี 6 เดือน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 30,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณเที่ยงวัน กระบือรุ่นของผู้เสียหายหายไปจากทุ่งเลี้ยงทั้ง 13 ตัว ทั้งที่ทาสีขาวเป็นตำหนิไว้ครึ่งเขาเหมือนกันทุกตัว ต่อมานายนาวินตามไปพบกระบือฝูงนั้น 11 ตัว ที่ท้ายบ้านดอนสวรรค์ห่างจากทุ่งเลี้ยง 3 ถึง 4 กิโลเมตร จึงต้อนกลับเข้าคอกเมื่อเวลาประมาณ 17 นาฬิกา แต่ไม่พบกระบือเพศเมียสีดำอีก 2 ตัว ราคา 30,000 บาท ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันลักกระบือเพศเมีย 2 ตัวนั้นไปหรือไม่ โจทก์มีนายจอมจักรวาลผู้เสียหาย นายนาวิน และนายณรงค์เป็นพยานเบิกความว่า นายนาวินซึ่งทำหน้าที่เลี้ยงกระบือรู้ว่ากระบือรุ่นทั้ง 13 ตัว หายไปจากทุ่งเลี้ยงเมื่อเวลาประมาณเที่ยงวัน จึงรายงานผู้เสียหายและออกติดตามไปในท้องทุ่ง ส่วนผู้เสียหายขับรถยนต์ตามหา นายนาวินตามไปพบกระบือรุ่น 11 ตัว ที่ท้ายบ้านดอนสวรรค์ห่างจากทุ่งเลี้ยง 3 ถึง 4 กิโลเมตร จึงต้อนกลับมาเมื่อเวลาประมาณ 17 นาฬิกา ขาดกระบือรุ่นสีดำเพศเมีย 2 ตัว ผู้เสียหายไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านไว้ จนกระทั่งวันที่ 10 เมษายน 2544 จึงสอบถามได้ความจากนายแววว่า เห็นชาย 4 คน ช่วยกันต้อนกระบือ 2 ตัว ขึ้นรถยนต์บรรทุกหกล้อของนายณรงค์ แถวบ้านดอนสวรรค์ในค่ำวันเกิดเหตุ นายณรงค์เบิกความรับว่า ค่ำวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสามกับนายฮองจ้างนายณรงค์บรรทุกกระบือสีดำ เพศเมีย 2 ตัว มีตำหนิเป็นสีขาวครึ่งเขาจากกระท่อมของจำเลยที่ 1 ที่ตำบลโคกมั่งงอย อำเภอดอนสวรรค์ ไปผูกทิ้งไว้ในบริเวณที่ไม่มีบ้านคน ห่างจากหมู่บ้านหนองบัวลายประมาณ 3 กิโลเมตร เห็นว่า แม้ประจักษ์พยานโจทก์ที่รู้เห็นเหตุการณ์แต่ละช่วงในวันเกิดเหตุจะเป็นพยานเดี่ยวที่ศาลต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังยิ่ง แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นได้ว่าคำเบิกความของพยานโจทก์แต่ละปากดังกล่าวต่างเบิกความสมเหตุผลและเชื่อมโยงกันโดยตลอดตามลำดับเหตุการณ์ ผู้เสียหายกับนายแววไม่เคยรู้จักจำเลยทั้งสามมาก่อน ส่วนนายณรงค์นั้นรู้จักคุ้นเคยกับจำเลยทั้งสามเป็นอย่างดี เพราะเคยรับจ้างบรรทุกสินค้าให้จำเลยเหล่านั้นมาก่อน แต่ก็ไม่เคยมีสาเหตุบาดหมางกัน ไม่มีเหตุพึงระแวงว่านายณรงค์จะกุเรื่องใส่ความจำเลยทั้งสามให้เสียหายแก่ทางทำมาหากินของตน นอกจากตำหนิรูปพรรณของกระบือเพศเมียทั้ง 2 ตัว ที่จำเลยทั้งสามกับพวกจ้างนายณรงค์ขนย้ายในวันเกิดเหตุจะตรงกับตำหนิรูปพรรณกระบือเพศเมีย 2 ตัว ของผู้เสียหายที่หายไปในละแวกนั้นในวันเดียวกันแล้ว พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 กับนายฮองนำกระบือ 2 ตัว นั้นลงจากรถยนต์บรรทุกไปผูกทิ้งไว้ห่างจากหมู่บ้านถึง 3 กิโลเมตร ในบริเวณที่ไม่มีบ้านเรือนโดยไม่กลัวการสูญหาย ทั้งที่เป็นเวลากลางคืนเช่นนั้น แสดงให้เห็นความผิดปกติ เมื่อพิจารณาประกอบคำพยานโจทก์ข้างต้นแล้วทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง รับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยทั้งสามร่วมกับพวกลักกระบือเพศเมีย 2 ตัว ของผู้เสียหายไป พยานฐานที่อยู่ของจำเลยทั้งสามไม่พอหักล้างพยานโจทก์ อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงได้ความชัดเจนว่ากระบือรุ่นหายไปจากทุ่งเลี้ยงตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงวัน นายนาวิน พยานโจทก์ไปตามคืนมาได้ 11 ตัว เมื่อเวลาประมาณ 17 นาฬิกา แสดงว่ากระบือรุ่นสีดำเพศเมีย 2 ตัว สูญหายไปในเวลากลางวัน แม้จะมีการขนถ่ายขึ้นรถยนต์บรรทุกของนายณรงค์ในตอนค่ำ ก็เป็นเวลาหลังจากการลักกระบือรายนี้สำเร็จลงแล้วเหตุจึงมิได้เกิดในเวลากลางคืน การกระทำของจำเลยทั้งสามในส่วนนี้จึงเป็นเพียงความผิดตามมาตรา 335 (7) วรรคสาม ประกอบมาตรา 336 ทวิ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น"
พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) วรรคสาม ประกอบมาตรา 336 ทวิ ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี 6 เดือน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 30,000 บาท แก่ผู้เสียหาย