โจทฟ้องว่าหม่อมเจ้าอัปสรสมานเปนหนี้เงินโจท ๑๐ กว่ารายการ  ซึ่งกล่าวโดยชัดแจ้งทุกรายการ  รวมทั้งสิ้นเปนเงิน ๔๕๕๒๒๘ บาท ๙๓ สตางค์  จำเลยเปนผู้จัดการมรดกหม่อมเจ้าอัปสรสมาน  มีหน้าที่จะต้องจ่ายเงินจำนวนที่กล่าวนั้นไห้โจท  แต่ไม่ยอมจ่าย   โจทจึงติดไจเรียกร้องส่วนได้ของโจทแต่เพียง  ๒๐๐๐๐๐  บาท
จำเลยไห้การต่อสู้  และว่าโจทเรียกร้องเพียง ๒๐๐๐๐๐ บาท  ก็เพื่อหลีกเลี่ยงค่าทำเนียมสาล
สาลชั้นต้นดำเนินการ  พิจารนา+พยานไปบ้างแล้วมีคำสั่งว่า  ฟ้องโจทอ้างสิทธิเรียกร้องหลายข้อ แต่ละข้อเปนจำนวนเงินต่างกัน  และคำขอท้ายฟ้องเรียกเงินเพียง ๒๐๐๐๐๐ บาท และได้เสียค่าทำเนียมสำหรับจำนวนนี้ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเปนจำนวนทุนทรัพย์สำหรับสิทธิเรียกร้องไดบ้าง  จึงไห้โจทยื่นคำแถลงสแดงไห้ชัดว่าทุนทรัพย์ ๒๐๐๐๐๐ บาทนั้น  สำหรับสิทธิเรียกร้องข้อไหนบ้าง  แต่ละข้อเปนจำนวนเงินเท่าได
โจทยื่นคำแถลงยืนยันว่าค่าทำเนียมที่โจทเสียเปนการชอบแล้ว  และสาลได้รับฟ้องพิจารนาหลายปีแล้ว
สาลแพ่งจึงมีคำสั่งไห้ยกคำฟ้องเสียตาม ป.ว.พ.ม. ๑๘,๒๗,๑๗๒.
โจทอุธรน์  สาลอุธรน์พิพากสาไห้ยกคำสั่งสาลชั้นต้นเสีย  ไห้ดำเนินการพิจารนาคดีนี้ต่อไป  แล้วพิพากสาตามกะบวนความ
จำเลยดีกา  สาลดีกาพร้อมกันประชุมปรึกสาว่าฟ้องระบุรายการทรัพย์เปนจำนวนมากแต่คำขอท้ายฟ้องขอเอาแต่น้อย  และสาลสั่งไห้โจทสแดงว่า  ที่ลดนั้น ลดไนรายการไหน  เท่าได แต่โจทไม่ยอมสแดงเช่นนี้  เปนเรื่องที่สาลจะต้องพิจารนาทรัพย์ทุก ๆ รายการเต็มตามคำฟ้อง จัดว่าเปนทรัพย์พิพาท โจทจะต้องเสียค่าทำเนียมไห้ครบตามตาราง ๑ ก. แห่ง ป.ว.ท. คดีนี้โจทเสียค่าทำเนียมเพียงแต่คำของยังไม่ถูกต้อง และไม่ปรากตว่าโจทได้ขัดขืนไม่ยอมเสียค่าทำเนียม  จึงพิพากสาแก้++