โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 277, 285, 391
จําเลยให้การปฏิเสธ ก่อนสืบพยาน จําเลยแก้ไขคําให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564 จําเลยใช้นิ้วมือของจําเลยสอดใส่ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย และจำเลยใช้กำลังทำร้ายผู้เสียหาย ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสอง, 80, 279 วรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคห้า ประกอบมาตรา 285, 391 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานพยายามกระทําชําเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเป็นผู้อยู่ใต้อํานาจด้วยประการอื่นใด และความผิดฐานกระทําอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีโดยใช้อวัยวะอื่น ซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของเด็กนั้นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กําลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ซึ่งเป็นผู้อยู่ใต้อํานาจประการอื่นใด เป็นการกระทํากรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานกระทําอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยใช้อวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของเด็กนั้น โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กําลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ซึ่งเป็นผู้อยู่ใต้อํานาจประการอื่นใด อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จําคุกกระทงละ 16 ปี รวม 4 กระทง เป็นจําคุก 64 ปี ฐานทําร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จําคุก 1 เดือน จําเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานกระทําอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยใช้อวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของเด็กนั้น โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กําลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ซึ่งเป็นผู้อยู่ใต้อํานาจประการอื่นใด 1 กระทง และฐานใช้กำลังทําร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้สําหรับความผิดฐานดังกล่าวกระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานกระทําอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยใช้อวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของเด็กนั้น โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กําลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ซึ่งเป็นผู้อยู่ใต้อํานาจประการอื่นใด คงจําคุก 56 ปี ฐานใช้กำลังทําร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ คงจําคุก 15 วัน รวมจําคุก 56 ปี 15 วัน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จําคุกจําเลย 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80 ซึ่งต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 จำคุกกระทงละ 10 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 40 ปี ลดโทษให้ในความผิดกระทงแรก กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 35 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว เป็นจำคุก 35 ปี 15 วัน ไม่ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคห้า นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เด็กหญิง ศ. ผู้เสียหาย ขณะเกิดเหตุอายุ 11 ปี เป็นบุตรของนาย พ. กับนางสาว ก. ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ต่อมาเมื่อผู้เสียหายอายุประมาณ 2 ถึง 3 ปี นาย พ. กับนางสาว ก. แยกทางกัน นางสาว ก. มีจำเลยเป็นคนรักใหม่ จึงพาผู้เสียหายไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านของจําเลย ผู้เสียหายพักอาศัยกับจําเลยหลายปี โดยจำเลยอุปการะเลี้ยงผู้เสียหายเสมือนเป็นบิดา ต่อมาประมาณเดือนตุลาคม 2564 นางสาว ก. มีคนรักใหม่ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร จึงพาผู้เสียหายไปอยู่ด้วย ครั้นวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 นางสาว ก. พาผู้เสียหายกลับไปฝากให้พักอาศัยอยู่กับจําเลยที่ อําเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ที่เกิดเหตุ แล้วนางสาว ก. เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 ถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 4 นาฬิกา ขณะที่ผู้เสียหายกับจำเลยอยู่ภายในห้องพักโดยนอนคนละเตียง จําเลยเดินไปหาผู้เสียหายแล้วถอดกางเกงของผู้เสียหายออกและใช้นิ้วมือของจําเลยสอดใส่ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยพยายามสอดใส่อวัยวะเพศของจําเลยเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแต่ไม่สามารถสอดใส่ได้ จำเลยจึงเลิกทำ ครั้นเวลาประมาณ 18 นาฬิกา ของวันที่ 4 ธันวาคม 2564 จำเลยใช้มือตบศีรษะของผู้เสียหาย 1 ครั้ง และใช้ขาเตะที่แขนข้างซ้ายของผู้เสียหาย 1 ครั้ง ทําให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนข้างซ้ายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ความผิดฐานพยายามกระทำชำเราแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยมีว่า การกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายเป็นการกระทำต่อผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยไม่ได้เป็นบิดาเลี้ยงของผู้เสียหาย เนื่องจากนางสาว ก. และจำเลยได้เลิกร้างกันแล้ว อำนาจปกครองของผู้เสียหายจึงอยู่กับนางสาว ก. กรณีของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 นั้น เห็นว่า แม้ขณะเกิดเหตุจำเลยไม่ได้อยู่กินฉันสามีภริยากับนางสาว ก. แล้ว และอำนาจปกครองของผู้เสียหายตามกฎหมายเป็นของนางสาว ก. ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะเกิดเหตุนางสาว ก. พาผู้เสียหายไปฝากให้พักอาศัยอยู่กับจำเลยซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายเคยพักอาศัยอยู่กับจําเลยหลายปี โดยจำเลยอุปการะเลี้ยงผู้เสียหายเสมือนเป็นบิดา เช่นนี้ พฤติการณ์ล่วงละเมิดทางเพศที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายจึงมีลักษณะเป็นการกระทำที่จำเลยมีอำนาจบังคับเหนือผู้เสียหาย ซึ่งก่อนเกิดเหตุเคยอยู่ในความอุปการะของจำเลย และขณะเกิดเหตุนางสาว ก. ได้ฝากให้ผู้เสียหายอยู่ในความดูแลของจำเลย ทำให้ผู้เสียหายต้องมีความเคารพยำเกรงและเชื่อฟังจำเลย ผู้เสียหายจึงเป็นผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใดของจำเลยตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 แล้ว ดังนี้ เมื่อจำเลยพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายในระหว่างที่ผู้เสียหายอยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใดของจำเลยแล้ว จำเลยจึงต้องรับโทษหนักขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน