โจทก์ฟ้องว่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343,83, 91 ที่แก้ไขแล้ว พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82 และให้จำเลยคืนเงิน 48,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82 เรียงกระทงลงโทษฐานฉ้อโกงจำคุก 1 ปี ฐานจัดการงานโดยไม่รับอนุญาต จำคุก 3 ปี รวมจำคุก 4 ปีได้ความจากคำนายสมพา บุญมา ว่าจำเลยคืนเงินให้แล้ว 1,000 บาท จึงให้จำเลยคืนเงิน 47,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสาม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะไม่ปรากฏว่าจำเลยมีใบอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนแต่จากข้อเท็จจริงที่ฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น เมื่อฟังประกอบกับฟ้องโจทก์ที่ได้บรรยายไว้ชัดแจ้งว่า ความจริงนอกจากจำเลยกับพวกจะไม่สามารถจัดหางานให้ตามที่พูดชักชวนแล้วยังไม่มีงานอะไรที่ประเทศสิงคโปร์ที่จะให้ผู้เสียหายทั้งสามทำอีกด้วย ดังนี้แสดงว่าจำเลยกับพวกมิได้มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายทั้งสามมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่จำเลยกับพวกมาพูดชักชวนก็ดีและจัดการให้ผู้เสียหายทั้งสามเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ก็ดี จึงเป็นเพียงเหตุเพื่อให้การพูดชักชวนหลอกลวงบรรลุผลคือได้เงินจากผู้เสียหายทั้งสามเท่านั้น เห็นว่าลำพังแต่จำเลยกับพวกพูดชักชวนหลอกลวง โดยมิได้มีเจตนาจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายทั้งสามอย่างจริงจังเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528ตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.