จำเลยจดทะเบียนเช่าที่ดินโจทก์ปลูกตึกแถวกำหนดเช่า 10 ปี มีข้อสัญญาให้โจทก์เลือกให้จดทะเบียนโอนตึกให้โจทก์ได้ โจทก์เลือกเอาการรับโอนกรรมสิทธิ์ตึกแถว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยจากที่ดินและตึกแถว ให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาเช่าได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่า เมื่อสัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว ในกรณีที่ผู้ให้เช่าต้องการรับโอนกรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาท จะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทำการโอนกรรมสิทธิ์ให้ และผู้เช่าจะต้องไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ให้เช่า ไม่มีทางจะตีความได้ว่ากรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาทตกเป็นของโจทก์ในทันทีที่สัญญาเช่าสิ้นสุดลง โจทก์ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาทนั้น เมื่อฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติดังกล่าวไว้ข้างต้นแล้วศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินปลูกตึกแถวโดยมีข้อสัญญาว่าให้ตึกแถวตกเป็นของโจทก์เจ้าของที่ดิน เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดอายุแล้วตึกแถวย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เจ้าของที่ดินตามสัญญาในฐานะเป็นส่วนควบของที่ดินไปในตัว ตามมาตรา 107 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยโจทก์ไม่ต้องแจ้งให้จำเลยไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ให้ตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าอีก"
พิพากษายืน