โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาหลวงคุณวงษ์คำนวณพล ส่วนนางกิมเฮงภริยา หลวงคุณวงษ์คำนวณพลอีกคนหนึ่งนั้นได้หนีจากไปจนขาดจากสามีภริยากับหลวงคุณวงษ์คำนวณพล ๓๐ กว่าปีแล้ว หลวงคุณวงษ์คำนวณพลตายโดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ โจทก์มีทรัพย์สินมาอยู่กินกับหลวงคุณวงษ์คำนวณพล จึงมีส่วนเป็นเจ้าของตามสิทธิกึ่งหนึ่ง และมีสิทธิได้ส่วนแบ่งเสมือนเป็นทายาทชั้นบุตร จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายตามคำสั่งศาล ไม่แบ่งทรัพย์แก่ผู้มีส่วนได้ โจทก์ขอให้จำเลยแบ่ง จำเลยก็ขอผัดไปไม่มีกำหนด จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัว ผู้ตายทำพินัยกรรมห้ามจำหน่ายทรัพย์ โจทก์ไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่มีสิทธิฟ้อง โจทก์ไม่มีทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้อง และไม่เคยขอแบ่งทรัพย์มรดก
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์ไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายจึงไม่จำต้องวินิจฉัยคำฟ้องข้ออื่นต่อไปให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิขอแบ่งมรดกในฐานะภริยา แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการใช้สิทธิการเป็นเจ้าของที่โจทก์จะพึงมีในทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ในระหว่างอยู่กินร่วมกับหลวงคุณวงษ์คำนวณพล ซึ่งโจทก์มีสิทธิขอแบ่งได้ถ้ามีจริง พิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ทรัพย์ของผู้ตายเป็นทรัพย์ร่วมระหว่างโจทก์และหลวงคุณวงษ์คำนวณพลที่ทำมาหาได้ร่วมกัน โจทก์จึงมีส่วนร่วมอยู่ครึ่งหนึ่ง ให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกจัดการแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะค่าธรรมเนียม นอกนั้นให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นางกิมเฮงแม้จะยังมิได้หย่าขาดจากหลวงคุณวงษ์คำนวณพล แต่ก็ได้แยกไปจากหลวงคุณวงษ์คำนวณพลแล้ว และมิได้กลับมาอยู่กินรวมกับหลวงคุณวงษ์คำนวณพลอีกเลย โจทก์และหลวงคุณวงษ์คำนวณพลได้อยู่กินร่วมกันช่วยกันมาหากินโดยนางกิมเฮงไม่ได้มาร่วมปะปนกันด้วย ทรัพย์ที่ฎีกาขึ้นมาถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่หลวงคุณวงษ์คำนวณพลและโจทก์ทำมาหาได้ร่วมกันเป็นเจ้าของร่วม มีส่วนเท่ากัน นางกิมเฮงไม่เกี่ยวข้องด้วย แม้นางกิมเฮงจะมิได้หย่าขาดจากหลวงคุณวงษ์คำนวณพลก็ดี แต่ก็ได้ร้างแยกไปอยู่ต่างหากจากหลวงคุณวงษ์คำนวณพลและโจทก์ จึงไม่มีสิทธิในทรัพย์นี้แต่อย่างใด
พิพากษายืน.