คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๘ ห้ามมิให้นายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ เข้ามาในบริเวณศาลในวันเกิดทำการเว้นแต่จะเป็นคู่ความในคดีหรือกฎหมายเรียกมาเป็นพยาน ทั้งนี้ เนื่องจากนายทวีป วิทูรย์บัณฑิตย์ เรียกเอาเงินจากจำเลยและคู่ความคดีอื่นรายละ ๑๐๐ บาท โดยอ้างว่าเป็นค่าเขียนคำร้องอันเป็นการสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้มาติดต่อกับศาล และอาจเป็นเหตุให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเจ้าพนักงานของศาล
ต่อมาวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ นายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ ได้เข้ามาในบริเวณศาลในขณะที่ศาลเปิดทำการ อ้างว่าเป็นเพื่อนายสมบูรณ์ สุนทรา โดยนายสม ทองหิน ไปขอร้องให้มาเป็นเพื่อน เพื่อฟังศาลตัดสินเรื่องบุตรชายถูกฟ้องฐานลักทรัพย์กับนายสุชาติทนายความให้นำเงินมาให้ที่ศาล
ศาลชั้นต้นเห็นว่า นายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลที่กำหนดเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในเบริเวณศาล อันเป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑ (๑) ให้จำคุกนายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ มีกำหนด ๑ เดือน
นายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นออกข้อกำหนดไปเช่นนั้นเป็นการไม่ชอบ นายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ ไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล พิพากษากลับให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว
พนักงานอัยการจังหวัดยโสธรฎีกาว่า การกระทำของนายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
ปัญหาว่าการกระทำของนายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลจะออกข้อกำหนดใดๆ โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐ นี้ จะต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาล และเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปตามเที่ยงธรรมและรวดเร็วเท่านั้น ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นออกข้อกำหนดมิให้นายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ เข้ามาในบริเวณศาลในวันเปิดทำการซึ่งรวมทั้งวันอื่นๆ ต่อมาไม่ว่ากรณีใดๆ แม้กระทั่งนายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ มีเหตุจำเป็นหรือเช่นกรณีนี้ จึงเป็นการเกินเลยบทบัญญัติมาตราดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ นายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ มิได้เข้ามาในบริเวณศาลเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้แต่ประการใด การกระทำของนายทวีป วิทูรบัณฑิตย์ หาเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลดังความเห็นของศาลชั้นต้นไม่
พิพากษายืน