จำเลยที่ ๑ เปนบิดาจำเลยที่ ๒ พอจำเลยที่ ๑ เล่นเปียหวยกับโจทก์ได้ ๒-๓ เดือน จำเลยที่ ๑ ก็นำจำเลยที่ ๒ ไปเล่นด้วย และจำเลยที่ ๒ แสดงต่อโจทก์ว่าเล่นร่วมทุนกับจำเลยที่ ๑ ในการประมูลแชร์จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ก็ทำแทนกัน ทั้งเงินค่าแชร์ของจำเลยหักกันได้ด้วย และการเล่นเปียหวยอาจได้ผลกำไร (คือดอกเบี้ย) ซึ่งผิดกับการกู้ยืมเงินหันธรรมดา โจทก์จึงฟ้องว่าจำเลยทั้ง ๒ เปนหุ้นส่วนกัน ขอให้ล้มละลาย เพราะเปนหนี้เงินโจทก์หมิ่นกว่า
ศาลล่างทั้ง ๒ ตัดสินข้อกฎหมายว่า การร่วมทุนไปลงแชร์ไม่ใช่หุ้นส่วน ให้จำเลยที่ ๑ ล้มละลายและยกข้อหาจำเลยที่ ๒ เสีย
โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยทั้ง ๒ ล้มละลาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พรบ ล้มละลาย ร.ศ.๑๓๐ ม.๗๙ โจทก์ฎีกาได้แต่ข้อกฎหมาย และเห็นว่าตามข้อเท็จจริงที่กล่าวข้างบนนั้น เข้าบทมาตรา ๑๐๑๒ เพราะจำเลยเข้าทำกิจการเพื่อประสงค์จะแบ่งปันกำไรกัน จำเลยทั้ง ๒ เปนหุ้นส่วนกัน ให้จำเลยทั้ง ๒ เปนคนล้มละลาย