เดิมโจทก์ชนะความจำเลย แล้วนำยึดที่ดินและตึก ฝ่ายบิดามารดาจำเลยได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ที่ดินแลตึกนั้นเป็นของตนข้อเท็จจริงได้ความว่าบิดามารดาจำเลยได้ทำหนังสือยกที่ดินแลตึกรายนี้ให้จำเลย ๆ ได้ปกครองมา ๘ ปี ๔ เดือนเศษ ในระวางนั้นจำเลยได้เคยฟ้องขับไล่ผู้อื่นในนามของตนเองครั้ง ๑ ครั้นบิดามารดาจำเลยร้องขัดทรัพย์ จำเลยเข้าเบิกความเป็นพะยานว่า"จำเลยเป็นแต่เพียงอาศัยอยู่ ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่เคยทำหนังสือยกกรรมสิทธิที่ดินให้แก่จำเลย และในคราวที่จำเลยฟ้องนางกิมปั้นผู้ร้องขัดทรัพย์ทำใบมอบอำนาจให้ผู้ร้องฟ้องแทน" โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ
ฝ่ายจำเลยให้การปฏิเสธความผิด แลว่าฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๕๕
ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การยกให้ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กรรมสิทธิจึงไม่เคยตกอยู่แก่จำเลย ด้วยเหตุนี้การที่จำเลยเบิกความว่าบิดามารดาไม่เคยทำหนังสือยกให้จึงไม่เป็นข้อสำคัญ และจำเลยเบิกความนั้นเป็นเวลาภายหลังที่ถูกเรียกที่ดินคืนแล้ว และคดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยข้ออื่นต่อไป จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ยืนตามศาลอุทธรณ์