โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 102 ป.อ. มาตรา 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่ให้การปฏิเสธในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91 (ที่แก้ไขใหม่) จำคุก 6 เดือน จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (เดิม), 102 จำคุก 15 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 7 ปี 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (เดิม) ป.อ. มาตรา 86 อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 10 ปี คำรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและทางนำสืบของจำเลยที่ 1 มีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน รวมกับโทษในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี 11 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานสนับสนุนจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 หรือไม่ ข้อเท็จจริงจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา เมื่อไปถึงจังหวัดตาก จำเลยที่ 2 ได้พักค้างคืนที่บ้านของนางปรานอม เช้าวันรุ่งขึ้นนางปรานอมได้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาให้จำเลยที่ 2 เพื่อนำไปส่งให้แก่ผู้มีชื่อในกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 จึงซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในช่องคลอดตามคำแนะนำของนางปรานอมและระหว่างเดินทางจำเลยที่ 2 ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้จำเลยที่ 1 ทราบด้วย การที่จำเลยที่ 1 ทราบว่าจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยจะนำไปส่งให้แก่ผู้มีชื่อในกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 ยังขับรถพาจำเลยที่ 2 ไปกรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 ขณะจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม ป.อ. มาตรา 86 ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าขณะเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นจำเลยที่ 1 มิได้มีพิรุธดังเช่นจำเลยที่ 2 ทั้งยอมให้ตรวจค้นโดยดีและก็ค้นไม่ได้สิ่งผิดกฎหมายที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด แสดงว่าจำเลยที่ 1 ไม่ทราบเรื่องการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 นั้น อาจจะเป็นเพราะจำเลยที่ 1 เชื่อว่าตนเองมิได้เป็นเจ้าของหรือร่วมครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลาง ทั้งเมทแอมเฟตามีนนั้นก็มิได้อยู่ที่ตน อีกทั้งอาจมีความเชื่อว่าเจ้าพนักงานตำรวจไม่อาจตรวจพบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยที่ 2 ซุกซ่อนไว้อย่างมิดชิดแล้วได้ จำเลยที่ 1 จึงมิได้ตื่นกลัวจนเป็นพิรุธก็ได้ สำหรับฎีกาประการอื่นของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ไม่มีผลทำให้ผลของคดีต้องเปลี่ยนแปลง จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.