โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกค้าของจำเลย โดยจำเลยได้อนุมัติสินเชื่อประเภทกู้เงินโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตั๋วแลกเงิน 260,000,000 บาท แก่โจทก์ มีกรรมการของโจทก์เป็นผู้ค้ำประกันและโจทก์ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 806, 2511, 799, 802, 804, 815, 814, 801, 805, 807, 820, 819, 818, 813, 809, 810, 816, 811, 800, 796, 797, 1711, 803, 1704, 1703, 1622, 793, 792, 791, 1443, 1434, 1433, 1442, 1440, 795, 1768, 782, 1439, 1435, 1705, 794, 808, 1436, 817, และ 1406 ตำบลวัฒนานคร อำเภอวัฒนานคร จังหวัดปราจีนบุรี รวม 45 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นประกันในวงเงิน 260,000,000 บาท โจทก์ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 6 ฉบับ เป็นเงิน 260,000,000 บาท แก่จำเลย ต่อมาวันที่ 10 พฤษภาคม 2537 โจทก์ได้ชำระหนี้จำนวน 260,000,000 บาท แก่จำเลยเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นโจทก์ได้ขอสินเชื่อจากจำเลยวงเงิน 50,000,000 บาท และได้ชำระเสร็จสิ้นแล้ว มีผลให้สัญญาจำนองระงับไป โจทก์แจ้งให้จำเลยไถ่ถอนจำนองและคืนโฉนดที่ดินโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 806, 2511, 799, 802, 804, 815, 814, 801, 805, 807, 820, 819, 818, 813, 809, 810, 816, 811, 800, 796, 797, 1711, 803, 1704, 1703, 1622, 793, 792, 791, 1443, 1434, 1433, 1442, 1440, 795, 1768, 782, 1439, 1435, 1705, 794, 808, 1436, 817, และ 1406 ตำบลวัฒนานคร อำเภอวัฒนานคร จังหวัดปราจีนบุรี รวม 45 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และคืนโฉนดที่ดินทั้งสี่สิบห้าโฉนดดังกล่าวให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ยังไม่ได้ชำระหนี้ครบถ้วน โจทก์ยังมีหนี้หุ้นกู้แปลงสภาพค้างชำระแก่จำเลยคิดถึงวันที่ 21 สิงหาคม 2543 เป็นต้นเงินจำนวน 27,638,000 บาท และดอกเบี้ยจำนวน 12,389,576.30 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 85,027,576.30 บาท โจทก์ยินยอมให้ถือเอาที่ดินจำนองเป็นหลักประกันของหุ้นกู้แปลงสภาพด้วย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยยื่นคำร้องว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2544 อำนาจในการจัดกิจการและทรัพย์สินของจำเลยตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ประสงค์เข้าว่าคดีนี้แทนจำเลย ขอให้ศาลสั่งจำหน่ายคดี โจทก์แถลงคัดค้านว่าโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไถ่ถอนหลักประกัน ไม่ได้ขอให้จำเลยชำระหนี้เป็นตัวเงิน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความ โจทก์เสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ไม่คืนให้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประการเดียว คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีตามคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยชอบหรือไม่ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 บัญญัติว่า "เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจดังต่อไปนี้
(1) จัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่
ค้างอยู่เสร็จสิ้นไป
(2) เก็บรวบรวมและรับเงิน หรือทรัพย์สินซึ่งจะตกได้แก่ลูกหนี้หรือซึ่งลูกหนี้มีสิทธิจะได้รับจาก
ผู้อื่น
(3) ประนีประนอมยอมความ หรือฟ้องร้อง หรือต่อสู้คดีใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้" กับ
มาตรา 25 บัญญัติว่า "ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแพ่งทั้งปวงอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ศาลมีอำนาจงดการพิจารณาคดีแพ่งนั้นไว้ หรือจะสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรก็ได้" เห็นว่า เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด อำนาจในการจัดกิจการและทรัพย์สินของจำเลยตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 ซึ่งรวมทั้งอำนาจในการรวบรวมทรัพย์สินโดยการทวงหนี้หุ้นกู้แปลงสภาพที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ค้างชำระแก่จำเลยและการไถ่ถอนจำนองที่ดินที่จำเลยรับจำนองจากโจทก์ตามฟ้องด้วย ทั้งการเข้าว่าคดีแพ่งที่ค้างพิจารณาคดีอยู่ในศาลแทนจำเลยเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเข้าว่าคดีแทนหรือไม่ เมื่อคดีนี้จำเลยมีข้อต่อสู้ว่าโจทก์ยังมีหนี้ค้างชำระแก่จำเลยซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการทวงหนี้ค่าหุ้นกู้แปลงสภาพที่โจทก์ค้างชำระตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 119 แล้ว และหากการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังได้ยุติว่าโจทก์ไม่มีหนี้ค้างชำระ หรือมีหนี้ค้างชำระแต่โจทก์ได้ชำระหนี้ครบถ้วนแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็มีอำนาจดำเนินการไถ่ถอนจำนองให้แก่โจทก์ได้ตามความประสงค์ อันจะทำให้ข้อพิพาททั้งปวงระหว่างโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นไปในคราวเดียว ดังนี้จึงสมควรให้โจทก์จะไปดำเนินการทั้งหลายต่อในคดีล้มละลาย ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการจัดกิจการและทรัพย์สินของจำเลย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีโจทก์ตามคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น จึงชอบแล้ว"
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.