โจทก์ฟ้องว่าจำเลยโดยร่วมกันและแทนกันได้ซื้อเชื่อสิ่งของต่าง ๆ ใช้ในการไฟฟ้าไปจากโจทก์และเช่าเครื่องทำไฟฟ้าคิดรวมเป็นเงิน ๑๔,๔๐๕ บ. ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันใช้เงิน ๑๔,๔๐๕ บ. พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยทั้ง ๒ ปฏิเสธต่อสู้ว่าไม่เคยซื้อไม่เคยจ้าง และตัดฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นบริษัทจำกัด จำเลยที่ ๒ เป็นกรรมการ ฟ้องโจทก์กล่าวว่า "จำเลยโดยร่วมกันและแทนกัน" เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะไม่ชัดแจ้งว่าจะให้รับผิดในฐานใด และข้อบังคับของบริษัทได้จดทะเบียนว่าการทำนิติกรรมใด ๆ ต้องมีกรรมการลงนามและประทับตราจึงจะผูกพันบริษัท ฯ แต่การตกลงกับโจทก์มิได้มีกรรมการลงนามประทับตรา จึงไม่ผูกพันบริษัท ฯ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ ได้สั่งซื้อเครื่องไฟฟ้าและจ้างให้ติดตั้งกับเช่าเครื่องทำไฟไปจากโจทก์ และเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมเพราะการกระทำของจำเลยที่ ๒ อาจเป็นการทำร่วมหรือทำแทนบริษัทจำเลยที่ ๑ ได้แล้วแต่ข้อเท็จจริงที่นำสืบ เพราะคีดฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ ทำเพื่อกิจการของบริษัทจำเลยที่ ๑ เป็นการทำแทนจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว พิพากษาให้บริษัทศาลาแดงจำกัดจำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๑๔,๔๐๕ บ.พร้อมทั้งดอกเบี้ย ฯ ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่ต้องให้รับผิดให้ยกฟ้อง
บริษัทศาลาแดงจำกัดจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
บริษัทศาลาแดงจำกัดจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ ได้สั่งซื้อเครื่องไฟฟ้าจ้างโจทก์ติดตั้งและเช่าเครื่องไฟฟ้าจากโจทก์จริง ข้อที่จำเลยคัดค้านว่าฟ้องเคลือบคลุมนั้นก็ฟังไม่ขึ้นเพราะโจทก์พรรณาความแจ้งชัดพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้ว จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ ๑ ได้ซื้อเชื่อเครื่องไฟฟ้า จ้างโจทก์ติดตั้ง และเช่าเครื่องทำไฟฟ้า ก็เพื่อกิจการของบริษัทจำเลยที่ ๑ หรือนัยหนึ่งได้ทำการแทนจำเลยที่ ๑ ซึ่งได้รับและใช้ประโยชน์ไปเสร็จแล้ว ไม่จำต้องให้กรรมการลงนามและประทับตราของบริษัทตามข้อบังคับ
พิพากษายืน.