โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าก่อสร้างที่ค้างชำระกับค่าเสียหาย ในวันพิจาณาจำเลยยอมใช้เงินค่าก่อสร้างที่ค้างชำระส่วนค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องคู่ความยกให้ศาลวินิจฉัยตามสัญญามีว่า จำเลยจ่ายเงินค่าก่อสร้าง ให้หลังจากส่งมอบงานแล้วภายในกำหนด ๑๐ วัน ถ้าเกินกำหนดจำเลยยอมรับผิดใช้ค่าเสียหาย ให้เป็นรายวัน ๆ ละ ๕๐ บาท โจทก์ทำงานไม่เสร็จภายใน ๑๘ วัน โจทก์ต้องถูกปรับวันละ ๑๐๐ บาท
ศาลแพ่งเห็นว่า การตกลงเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ จำเลยจึงต้องรับผิด เพราะโจทก์ได้ก่อสร้างเสร็จภายในกำหนดและจำเลยได้รับมอบไปแล้ว ส่วนจำนวนเงินค่าปรับให้ปรับวันละ ๕๐ บาทนั้นสูงเกินไป เพราะเงินที่ต้องชำระงวดสุดท้ายจำเลยได้ใช้ไปบ้างแล้ว ควรลดลงให้จำเลยใช้วันละ ๘ บาท พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๘๑๒๐ บาทและเบี้ยปรับ ๑,๖๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฏีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยที่กล่าวถึงค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้ให้แก่กันนั้น ก็คือเบี้ยปรับนั่นเอง เพราะในกรณีเช่นนี้คู่สัญญาย่อมไม่อาจคำนวณค่าเสียหายล่วงหน้าไว้ได้ เมื่อเป็นเบี้ยปรับแล้ว จำเลยต้องรับผิดคดีไม่จำเป็นจะต้องพิจารณาว่าโจทก์เสียหายไปเท่าใดและเห็นว่าการกระกำหนดเบี้ยปรับสำหรับการชำระเงินมิใช่เป็นเรื่องคู่สัญญาตั้งใจจะเรียกดอกเบี้ยแก่กัน แต่เป็นเรื่องกำหนดค่าปรับในการที่โจทก์อาจไม่ได้ชำระหนี้กิจการที่โจทก์ได้กระทำไปตามสัญญา จึงหาใช้เรื่องเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราไม่
พิพากษายืน