โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 295, 297, 371 ริบมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว จำเลยถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 297 (ที่ถูก มาตรา 297 (8), 371 ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสจำคุก 4 ปี ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายจำคุก 6 เดือน และปรับ 4,000 บาท และฐานร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ปรับ 100 บาท รวมจำคุก 4 ปี 6 เดือน และปรับ 4,100 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 3 เดือน และปรับ 2,050 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบอาวุธมีดของกลาง
โจทก์อุทธรณ์โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงเขต 2 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมายรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 2 ปี ไม่ลงโทษปรับในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย และโทษปรับในความผิดฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก 2 ปี 6 เดือน และปรับ 100 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปี 3 เดือนและปรับ 50 บาท บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2474/2546 ของศาลชั้นต้น เป็นจำคุก 1 ปี 5 เดือน และปรับ 50 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 บวกโทษจำคุก 2 เดือน ที่ศาลชั้นต้นรอการลงโทษจำเลยไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2474/2546 เข้ากับโทษในคดีนี้เป็นการไม่ชอบ เนื่องจากจำเลยได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 ให้ถือว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อนนั้น เห็นว่า การที่จำเลยต้องคำพิพากษาให้จำคุก 2 เดือน แต่รอการลงโทษไว้ จำเลยจึงยังมิได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา กรณีของจำเลยจึงมิใช่ผู้ต้องโทษตามความหมายของมาตรา 4 และย่อมไม่ได้รับผลแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีนี้จึงชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า จำเลยร่วมกับพวกขับรถจักรยานยนต์ใช้มีดไล่ฟันผู้เสียหายทั้งสองบนท้องถนนต่อหน้าผู้คนที่สัญจรไปมาจำนวนมาก แสดงถึงนิสัยอันธพาลและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายของจำเลย และทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ลักษณะการกระทำของจำเลยก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับจำเลยเคยกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น และศาลให้โอกาสจำเลยด้วยการรอการลงโทษมาครั้งหนึ่งแล้วแต่จำเลยไม่เข็ดหลาบมากระทำความผิดคดีนี้อีก แม้จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนมีภาระต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว ตลอดจนสามารถแก้ไขปรับปรุงตัวหลังเกิดเหตุโดยมีความประพฤติไม่เสียหายหรือมีเหตุอื่นดังที่อ้างในฎีกา ก็ไม่เพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษให้จำเลยได้ อย่างไรก็ตามจำเลยได้วางเงินต่อศาลชั้นต้นเป็นเงิน 10,000 บาท เพื่อชดใช้เป็นค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองรับไป แม้ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายทั้งสองได้รับเงินจำนวนดังกล่าวแล้วหรือไม่ ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของจำเลยที่จะบรรเทาความเสียหาย อันเป็นการสำนึกผิดในการกระทำที่ตนเป็นผู้ก่อขึ้นฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ใช้ดุลพินิจวางโทษในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 2 ปี และฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย จำคุก 6 เดือน ก่อนลดโทษนั้นจึงหนักเกินไปสมควรลดโทษลงอีก ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน"
พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายจำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 3 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว เป็นจำคุก 7 เดือน 15 วัน รวมโทษทุกระทงและโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2474/2546 ของศาลชั้นต้นแล้วคงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 9 เดือน 15 วัน และปรับ 50 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2