โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองจ้างเหมาโจทก์ให้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศโจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมชำระค่าจ้างงวดที่ 4 และ 5 รวมเป็นเงิน 410,000 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 410,000 บาทแก่โจทก์พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเพราะส่งมอบงานล่าช้า.....ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ส่งมอบงานล่าช้าให้จำเลยโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าจ้างงวดที่ 5 เนื่องจากยังไม่เกิดสิทธิเรียกร้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 404,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 115,000บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสองใช้แทนเท่าที่โจทก์ชนะคดี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้ส่งมอบงานที่เรียบร้อยบริบูรณ์ให้แก่จำเลยที่ 1 ในวันที่ 29 มิถุนายน 2507 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่จำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบงานให้แก่กองทัพอากาศ การที่โจทก์ได้ส่งมอบเครื่องปรับอากาศให้แก่จำเลยที่ 1 อันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาแล้ว โจทก์ชอบที่จะเรียกให้จำเลยที่ 1 ชำระสินจ้างงวดที่ 5จำนวน 295,000 บาทแก่โจทก์ได้ แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า ตามสัญญาจ้างเหมาติดตั้งเครื่องปรับอากาศเอกสารหมาย ล.2 ข้อ 3 งวดที่ 5จำเลยที่ 1 จะต้องจ่ายเงินค่าสินจ้างงวดที่ 5 จำนวน 295,000 บาทให้แก่โจทก์ภายหลังจากที่ได้ส่งมอบงานแล้ว 1 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2527 เป็นต้นไป แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่3 กรกฎาคม 2527 ยังไม่พ้นกำหนด 1 เดือนตามสัญญาก็ตาม เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามสัญญางวดที่ 4และที่ 5 จำนวน 410,000 บาท ที่ค้างชำระ เพราะโจทก์ผิดสัญญาที่ส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนดทำให้จำเลยต้องเสียหาย มีสิทธิหักเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์เป็นค่าเสียหาย ดังนี้ เป็นการแสดงว่าจำเลยปฏิเสธหนี้ตามฟ้อง ถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ได้สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นแล้วเงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยทั้งสองจะนำมาอ้างได้ต่อไป โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดตามเงื่อนเวลาดังกล่าวก่อน
ส่วนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดชำระเงินแก่โจทก์ แต่เห็นว่าโจทก์ส่งมอบงานล่าช้า จำเลยที่ 1 มีสิทธิปรับโจทก์ตามสัญญาและให้หักกลบลบหนี้ออกจากค่าสินจ้างที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดแก่โจทก์ ปรากฏว่าคู่ความมิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิหักกลบลบหนี้ข้อที่ว่าจำเลยทั้งสองมีสิทธิหักกลบลบหนี้หรือไม่ จึงไม่เป็นประเด็นขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้แก่โจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ แม้ว่าปัญหานี้จำเลยทั้งสองจะมิได้ฎีกาไว้ก็ตาม แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ทั้งนั้นกรณีต้องถือเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าโจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศตามสัญญาจ้างแล้วส่งมอบงานให้จำเลยที่ 1 ล่าช้า จำเลยที่ 1 มีสิทธิปรับโจทก์เป็นรายวัน วันละ 300 บาท รวมเป็นเบี้ยปรับในกรณีที่ส่งมอบงานล่าช้า เป็นเวลา 20 วัน เป็นเงิน 6,000 บาท ซึ่งเป็นหนี้ที่มีวัตถุประสงค์เป็นอย่างเดียวกับมูลหนี้ที่โจทก์เรียกร้องและถึงกำหนดชำระแล้ว จำเลยชอบที่จะขอหลุดพ้นจากหนี้ของตนด้วยการขอหักกลบลบหนี้ได้โดยไม่จำต้องฟ้องแย้งเข้ามาก่อน เมื่อหักกลบลบหนี้แล้ว จำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าจ้างงวดที่ 4 และงวดที่ 5 ให้โจทก์เป็นเงิน404,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ชำระให้โจทก์และจำเลยที่ 2ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.