โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นบิดาโจทก์ที่ 2 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2525 จำเลยทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าตึกแถวเลขที่ 27/49 ถนนประชาสงเคราะห์ ซึ่งจำเลยเช่าจากผู้อื่นให้โจทก์ที่ 2 ขณะยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในราคา 430,000 บาท ชำระมัดจำในวันทำสัญญา 30,000 บาท และจำเลยรับเงินค่าโอนสิทธิการเช่าไปอีก 40,000 บาท จำเลยไม่สามารถจดทะเบียนสิทธิการเช่าให้โจทก์ที่ 2 ได้ เนื่องจากโจทก์ที่ 2 ยังไม่บรรลุนิติภาวะโจทก์ที่ 1 ทราบเรื่องจึงบอกล้างสัญญาดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินที่รับไปจำนวน70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ที่ 2 ทำสัญญารับโอนสิทธิการเช่าตึกแถวโดยได้รับความยินยอมจากบิดามารดาแล้ว โจทก์ที่ 2 ทำนิติกรรมกับจำเลยเพื่อประกอบการค้าอันสมควรแก่ฐานานุรูปของโจทก์ที่ 2 นิติกรรมจึงสมบูรณ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวน 40,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การให้ความยินยอมให้ผู้เยาว์ทำนิติกรรมของผู้แทนโดยชอบธรรมนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 21 มิได้บัญญัติถึงแบบหรือวิธีปฏิบัติอย่างใดไว้ ฉะนั้น ความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมจึงอาจทำได้ไม่ว่าจะเป็นด้านวาจา ลายลักษณ์อักษร หรือพฤติการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่แสดงว่ารู้เห็นยินยอมได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ที่ 1 และมารดาโจทก์ที่ 2 ให้ความยินยอมในการที่โจทก์ที่ 2 ทำสัญญารับโอนสิทธิการเช่ากับจำเลยแล้ว สัญญาดังกล่าวจึงสมบูรณ์ใช้บังคับได้
พิพากษายืน