โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 264, 265, 268, 341 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14 ริบของกลาง และให้จำเลยคืนเงิน 1,683,492 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณาจำเลยและผู้เสียหายตกลงกันได้ โดยจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ ผู้เสียหายแถลงไม่ติดใจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาอีกต่อไปความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้องข้อ 1.1 และข้อ 1.2 กับความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือเป็นเท็จตามฟ้องข้อ 1.5 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเฉพาะความผิดดังกล่าวออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามฟ้องข้อ 1.5 เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารดังกล่าวเองตามฟ้องข้อ 1.3 และข้อ 1.4 จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมแต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 2 ปี ฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามฟ้องข้อ 1.7 เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารดังกล่าวเองตามฟ้องข้อ 1.6 จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมแต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 2 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง รวม 2 กระทง คงจำคุก 2 ปี ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนเงิน 1,683,492 บาท แก่ผู้เสียหายนั้น เนื่องจากจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายครบถ้วนตามที่ตกลงกับผู้เสียหายและเกินจำนวนเงินดังกล่าวแล้ว จึงให้ยกคำขอส่วนนี้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่จำเลยปลอมหนังสือราชการของกรมราชเลขานุการในพระองค์ตามฟ้องข้อ 1.3 และปลอมประกาศแต่งตั้งข้าราชการในพระองค์ตามฟ้องข้อ 1.4 แล้วนำไปใช้อ้างแสดงต่อผู้เสียหายตามฟ้องข้อ 1.5 เป็นความผิด 2 กระทง เนื่องจากเป็นเอกสารคนละประเภทกันหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยปลอมหนังสือราชการของกรมราชเลขานุการในพระองค์ขึ้น 3 ฉบับ และปลอมประกาศแต่งตั้งข้าราชการในพระองค์ขึ้นอีก 1 ฉบับ แล้ว บันทึกภาพหนังสือราชการปลอมทั้งสี่ฉบับไว้ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลย จากนั้นจัดส่งภาพหนังสือราชการปลอมทั้งสี่ฉบับโดยวิธีลง (โพ้สต์) ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหายในแอปพลิเคชันไลน์ชื่อ Chon Chill ในคราวเดียวกันก็ด้วยเจตนาที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับสำนักพระราชวังซึ่งจัดดำเนินการโครงการบ้านพอเพียงในพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ตามเรื่องที่จำเลยกุขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามฟ้องข้อ 1.5 นั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน