โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษ  ซึ่งต้องห้ามเด็ดขาด  จำนวน ๖.๐๐ กรัม  ราคา ๑๘๐ บาท  ไว้ในครอบครอง  และมีไว้เพื่อขาย  จำหน่าย  จ่ายแจก  โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย  ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ  พ.ศ. ๒๔๖๕  มาตรา ๔, ๔ ทวิ, ๑๔, ๒๐ ทวิ, ๒๐ ตรี, ๒๒, ๒๓, ๒๗, ๒๘, ๒๙  พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ  (ฉบับที่ ๒)  พ.ศ. ๒๔๗๙  มาตรา ๑๐, ๑๑  พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๓)  พ.ศ. ๒๕๐๒  มาตรา ๕, ๖  พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ   (ฉบับที่ ๔)  พ.ศ. ๒๕๐๔  มาตรา ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๑๒    และริบเฮโรอีนของกลางที่จับได้จากจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า  จำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย  อันเป็นความผิดกรรมเดียวและบทเดียว  พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ  พ.ศ. ๒๔๖๕  มาตรา ๒๐ ทวิ  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔)  พ.ศ. ๒๕๐๔  มาตรา ๖  จำคุก ๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่ารูปคดีเป็นที่สงสัย  จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย  พิพากษากลับ  ให้ยกฟ้องโจทก์  เฮโรอีนของกลางเป็นของผิดกฎหมายให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว  ฟังข้อเท็จจริงว่าเฮโรอีนของกลางเป็นของจำเลยจริง  แต่ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายด้วยนั้น  เห็นว่า  โจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏเลยว่า  จำเลยมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้เพื่อขาย  จำหน่าย  จ่ายแจก  แต่อย่างใด  เพียงแต่ร้อยตำรวจเอกสมบัติ  และสิบตำรวจตรีไพศาลเบิกความว่า  พันตำรวจตรีพิศิษฐ์สืบทราบมาก็ดี  หรือเฮโรอีนที่จับไม่มีจำนวน ๖ กรัมก็ดี  ก็หาเพียงพอที่จะสันนิษฐานให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายได้ไม่  จำเลยจึงคงมีความผิดเพียงมีเฮโรอีนของกลางอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาดไว้ในความครอบครองเท่านั้น
พิพากษากลับ  เป็นว่า  จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ  พ.ศ. ๒๔๖๕  มาตรา ๑๔, ๒๐ ตรี  พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ  (ฉบับที่ ๔)  พ.ศ. ๒๕๐๔  มาตรา ๗  ลงโทษจำคุกจำเลย ๒ ปี  ของกลางริบ