โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ จำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากันโดยถูกต้องด้วยแบบพิธี ตามกฎหมายต่างประเทศ ณ ประเทศอเมริกา ตั้งแต่พ.ศ. 2485 ตลอดมา บัดนี้ จำเลยทั้ง 2 ได้ไปจดทะเบียนสมรสว่าเป็นสามีภริยากัน จึงขอให้เพิกถอนการสมรส
จำเลยแก้ว่า โจทก์จำเลยตกลงหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันแล้วโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้ประชุมพิจารณาแล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 ยังเป็นสามีภริยามิได้หย่าร้างกัน ชั้นพิจารณาโจทก์กลับแถลงรับว่า โจทก์จำเลยได้ทำหนังสือหย่าตามหนังสือลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2493 จริง ข้อความในหนังสือที่กล่าวมีความว่า นายจก ณ ระนอง (จำเลย) นางลีเตีย ณ ระนอง (โจทก์)ขอทำคำร้องยื่นต่อกรมการอำเภอพระโขนงว่า ด้วยข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายตกลงหย่าขาดจากการเป็นสามี ส่วนทรัพย์สินก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ลงชื่อ จก ณ ระนองฝ่ายชาย ลีเตียแดน ณ ระนอง ฝ่ายหญิงมีพยานลงชื่อเป็นพยานด้วยสองคน ข้อความตามหนังสือนี้ แม้จะเป็นคำร้องยื่นต่อกรมการอำเภอก็จริงแต่ก็มีข้อความกล่าวไว้อย่างชัดแจ้งว่าทั้งสองฝ่ายตกลงหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากัน ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย มีพยานลงลายมือชื่อสองคน จึงเป็นหนังสือหย่าอย่างบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1498 การสมรสระหว่างโจทก์จำเลยรายนี้ ปรากฏว่าได้จดทะเบียน ณ ต่างประเทศโดยมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานทูตหรือกงศุลไทย ตามมาตรา 1450 วรรคท้ายทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามกฎหมายต่างประเทศที่จดทะเบียนสมรสว่าการหย่าขาดตามกฎหมายต่างประเทศที่จดทะเบียนจะต้องจดทะเบียนการหย่าด้วยหรือไม่ การสมรสรายนี้มิได้จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การหย่าโดยความยินยอมรายนี้ ก็ได้ทำเป็นหนังสือถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1498 แล้ว ศาลล่างพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงให้ยกฟ้องเสียนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน