โจทก์ จำเลยพิพาทกันเรื่องแบ่งสินเดิมสินสมรสและมถดกพระยานครราชเสนีบุตรพระยานครราชเสนีร้องขอส่วนแบ่งด้วย
ศาลแพ่งฟังว่าโจทก์เป็นภริยาหลวงของพระยานครราชเสนี แล้วพิพากษาแบ่งทรัพย์สมรสระหว่างโจทก์กับพระยานครราชเสนีตอนที่อยู่กินด้วยกันตอนหนึ่ง ส่วนตอนที่ร้างกันโจทก์ไม่มีสิทธิได้แบ่งสมรส ตอนหลังนี้แบ่งให้ระหว่างจำเลยกับพระยานครราชเสนี ส่วนที่เป็นมฤดกของพระยานครราชเสนี ส่วนที่เป็นมฤดกของพระยานครราชเสนีเป็นมฤดกตกได้แก่บุตรคนละส่วน มารดา ๑ ส่วน อีก ๑ ส่วนได้แก่ภริยา ให้โจทก์ได้กึ่งส่วนของจำเลยเพราะโจทก์เป็นภริยาร้าง
ศาลอุทธรณ์แก้ฉะเพาะการแบ่งสมรสตอนแรกว่า พระยานครราชเสนีมีภริยาอีก ๒ คน ส่วนสมรสของภริยาต้องแบ่งระหว่างโจทก์กับภริยา ๒ คนนี้คนละส่วน ส่วนของภริยานั้นเป็นมฤดกตกได้แก่บุตรของเขากับพระยานครราชเสนี แล้วแบ่งมฤดกพระยานครราชเสนีตามเกณฑ์ที่ศาลแพ่งวางไว้
โจทก์ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์มิได้ร้างกับพระยานครราชเสนี ฉะนั้นโจทก์จึงมีสิทธิแบ่งสมรสที่เกิดขึ้นตอนที่พระยานครราชเสนีได้จำเลยเป็นภริยาด้วย แต่เห็นว่าจะแบ่งสมรสให้โจทก์ จำเลยได้เท่ากันไม่ชอบ เพราะฐานะของภริยาหลวงกับภริยาน้อยต่างกันดั่งเห็นได้จากกฎหมายลักษณะมถดกบทที่ ๕,๖ และประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา ๑๖๓๖ แต่ไม่มีกฎหมายบังคับไว้ในเรื่องแบ่งสมรสระหว่างภริยาหลวงกับภริยาน้อย คงมีกฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ ๗๔ แนะนำไว้ว่าเมื่อเกิดลาภได้ไร่นาเสือกสวน เมียสุดกึ่งส่วน ศาลฎีกาเห็นว่าในการแบ่งสมรสนั้น ถ้าไม่มีเหตุการณ์พิเศษดั่ง ในคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๙๕/๒๔๖๓ แล้ว ควรให้ภริยาหลวงได้ ๒ ส่วน ภริยาน้อยได้ ๑ ส่วน ข้อที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ศาลแพ่ง ศาลฎีกาเห็นชอบด้วย ส่วนที่จำเลยฎีกาในเรื่องให้หักเงินค่าทำศพพระยานครราชเสนีก่อนแบ่งปันนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เพราะไม่เป็นประเด็นว่ากันมาในศาลล่าง ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ฉะเพาะว่าให้แบ่งสมรสตอนหลังซึ่งเป็นส่วนของภริยานั้นให้โจทก์ ๑ ส่วน จำเลย ๒ ส่วน นอกนั้นคงยืน.