คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยทั้งสองไว้ในระหว่างอุทธรณ์ผู้ประกันขอประกันตัวจำเลยทั้งสองไปใน ระหว่างอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นตีราคาประกันคนละ ๒๕๐,๐๐๐ บาท ต่อมาผู้ประกันส่งตัวจำเลยทั้งสองเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้ตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญาประกัน หลังจากนั้นผู้ประกันนำตัวจำเลยทั้งสองมาส่งศาลและยื่นคำร้องขอลดค่าปรับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลดค่าปรับให้เหลือปรับคนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท
ผู้ประกันทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน
ผู้ประกันทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ประกันทั้งสองยื่นฎีกาเมื่อวันที่ ๕กันยายน ๒๕๓๓ ภายหลังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๙ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ มาตรา ๔ ใช้บังคับแล้วมาตรา ๑๑๙ ที่แก้ไขแล้วบัญญัติว่า "ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาลศาลมีอำนาจสั่งบังคับตามสัญญาประกันตามที่ศาลเห็นสมควรโดยที่มิต้องฟ้อง เมื่อศาลสั่งประการใดแล้ว ฝ่ายผู้ถูกบังคับตามสัญญาประกันหรือพนักงานอัยการมีอำนาจอุทธรณ์ได้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด" ดังนั้นในกรณีนี้จึงฎีกาต่อมาอีกไม่ได้ เพราะคดีได้ถึงที่สุดไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาผู้ประกันทั้งสอง.