โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมอัญอัญโฮเต็ล ตั้งอยู่เลขที่ ๕๖๐ ถนนเยาวราช ตำบลสามแยก อำเภอ สัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร จำเลยได้มองและเช็คให้นายฮั่ง แซ่ฉั่น เป็นผู้จัดการและเป็นตัวแทนในการจัดการ โรงแรมดั่งกล่าว ครั้นวันที่ ๔ เมษายน ๒๔๙๖ นายฮั่น แซ่ฉั่น ในฐานะผู้จัดการโรงแรมของจำเลยได้ออกเช็คเลข............. ๑๙๐๐๓๖ และ ๑๙๐๐๓๙ สั่งให้ธนาคารกวางตุ้ง จำกัด จ่ายเงินฉบับละ ๑๕,๐๐๐ บาท และมอบเช็ค ๒ ฉบับแก่โจทก์เพื่อ ชำระหนี้ ซึ่งโรงแรมของจำเลยดังกล่าวเป็นหนี้อยู่ แต่เช็คที่นายฮั่ง แซ่ฉั่นออกให้แก่โจทก์ ๒ ฉบับนั้นไปแลกเงินไม่ได้ โดยธนาคารกวางตุ้ง จำกัด แจ้งแก่โจทก์ว่าบัญชีโรงแรมของจำเลยมีเงินไม่พอ โจทก์จึงมาฟ้องศาลให้จำเลยใช้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การว่านายฮั่งไม่มีอำนาจออกเช็คดังฟ้อง การออกเช็คเป็นกิจการที่ต้องทำเป็นหนังสือ ฉะนั้นตามกฎหมายการ ตั้งตัวแทนก็ต้องทำเป็นหนังสือ เมื่อไม่ปรากฎจากฟ้องว่าจำเลยมีหนังสือตั้งนายฮั่ง แซ่ฉั่น จึงไม่ควรรับไว้พิจารณา
คู่ความรับกันว่านายฮั่ง แซ่ฉั่น เป็นผู้จัดการโรงแรมอัญอัญของจำเลย และเคยลงลายมือในเช็คธนาคารกวางตุ้ง จ่ายเงิน จากบัญชีโรงแรมอัญอัญอย่างเดียวกับเช็ครายพิพาท จำเลยรับว่านายฮั่งได้ออกและมอบเช็คพิพาทแก่โจทก์ โดยเป็นหนี้ โจทก์ในจำนวนเงินที่เอาไปสร้างลีฟของโรงแรม การติดต่อระหว่างนายฮั่งกับโจทก์จำเลยไม่รู้เห็น
ศาลแพ่งพิพากษาว่าการมอบอำนาจของจำเลยแก่นายฮั่งผู้จัดการโรงแรมนั้นไม่ปรากฎว่ามีขอบเขตจำกัด ทั้งนายฮั่งเคย ลงลายมือชื่อในเช็คธนาคารกว้างตุ้งสั่งจ่ายเงินจากบัญชีโรงแรมประทับตราโรงแรมโดยไม่มีคำแสดงว่าเป็นผู้จัดการ เช่นเดียวกับที่นายฮั่งเซ็นเช็คพิพาท ๒ ใบนี้ ทั้งขณะจ่ายเช็คนายฮั่งก็ยังเป็นผู้จัดการและบอกโจทก์ว่าจะเอาเงินไปทำลีฟ ของโรงแรม ดังนี้ย่อมทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจว่าการกระทำของนายฮั่งนั้นอยู่ในฐานะผู้จัดการและเป็นการกิจการของ โรงแรม จำเลยต้องรับผิดใช้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งแต่วันฟ้องต่อโจทก์
ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น.