โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นปลัดอำเภอจัตวา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาเมื่อระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม 2502 ถึง 5 กันยายน 2504จำเลยเบียดบังต้นขั้วแบบพิมพ์ ป.4 ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนวันที่ 7 ธันวาคม 2502 เวลากลางวัน จำเลยปลอมเอกสารสิทธิแบบ ป.4 ใบอนุญาตให้พลตำรวจกล่อม ด้วงทอง มีและใช้อาวุธปืนในโอกาสที่จำเลยมีหน้าที่กรอกข้อความและลงชื่อจำเลยเป็นนายทะเบียนประทับตราตำแหน่งนายอำเภอ และเบียดบังเงินค่าธรรมเนียม 100 บาทที่จำเลยรับจากพลตำรวจกล่อม ในหน้าที่ ไม่นำส่งเสมียนตราอำเภอขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151, 161 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 7
จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 161 ให้ลงโทษกระทงที่หนัก ตามมาตรา 147 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2502 มาตรา 3 จำคุก 5 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาโดยที่ประชุมใหญ่แล้วปรากฏว่าจำเลยเป็นปลัดอำเภอจัตวา ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอให้มีหน้าที่รับคำขอและสอบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับการขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แล้วทำความเห็นเสนอต่อนายอำเภอ เมื่อนายอำเภออนุญาตจำเลยก็มีหน้าที่กรอกข้อความในใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเสนอนายอำเภอลงลายมือชื่อในฐานะนายทะเบียนท้องที่จำเลยเองไม่มีอำนาจที่จะลงลายมือได้โดยลำพัง ปัญหาที่ว่า จำเลยเป็นผู้ทำเอกสารหมาย จ.1 ปลอมขึ้น หรือยักยอกเงินค่าธรรมเนียม 100 บาทที่จำเลยรับจากพลตำรวจกล่อมตามหน้าที่หรือไม่นั้น โจทก์มีพลตำรวจกล่อมเป็นพยานว่า ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ซื้อปืนได้เมื่อได้ปืนมาแล้วจึงนำไปที่อำเภอหาดใหญ่เพื่อขอรับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จำเลยเรียกเงินค่าธรรมเนียม 100 บาท แล้วจำเลยได้เขียนใบอนุญาต ป.4 และลงลายมือชื่อจำเลยในช่องนายทะเบียนต่อหน้าพลตำรวจกล่อม มอบใบอนุญาต ป.4 หมาย จ.1 ให้พลตำรวจกล่อมต่อมาถึงมกราคม 2505 ปรากฏว่าใบอนุญาตของอำเภอหาดใหญ่ตั้งแต่เลข 300 ขึ้นไปไม่มีต้นขั้ว พลตำรวจกล่อมรู้สึกสงสัยจึงนำใบอนุญาตของตนเลขที่ 364 ไปให้อำเภอตรวจสอบความทุจริตรายนี้จึงปรากฏขึ้นมีคำพยานยืนยันว่าลายมือที่กรอกข้อความในใบอนุญาตหมาย จ.1 นั้นเป็นลายมือจำเลย คดีต้องฟังว่าจำเลยทำเอกสาร จ.1 ปลอมขึ้นและเบียดบังยักยอกเงินค่าธรรมเนียม 100 บาท ที่จำเลยรับไว้ตามหน้าที่
แม้ตามข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า จำเลยได้ลงลายมือชื่อของจำเลยเองในเอกสาร จ.1 นั้น แต่กรณีนี้มิใช่เป็นเรื่องทำเอกสารที่จำเลยมีหน้าที่ทำหรือรับรองเอง อันจะเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ซึ่งหมายความว่า จำเลยได้มีหน้าที่ออกเอกสารนั้นเองกล่าวคือ เอกสารนั้นเป็นเอกสารที่แท้จริง หากแต่ผู้กระทำผิดทำหรือรับรองโดยกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงไปในเอกสารนั้น แต่ในคดีนี้ แม้จำเลยจะลงลายมือชื่อของจำเลยเอาลงไปในเอกสารนั้นแต่จำเลยก็ได้ปลอมตนว่าเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจลงนามในเอกสารนั้นกล่าวคือโดยแสดงว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่นายทะเบียนผู้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แล้วประทับตราตำแหน่งนายอำเภอลงไป เอกสารนี้จึงไม่ใช่เอกสารอันแท้จริง เพราะไม่ได้ลงนามพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจออกใบอนุญาต จำเลยได้ทำเอกสารนี้ขึ้นเพื่อให้คนทั้งหลายเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ความผิดของจำเลยจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้นอีกกระทงหนึ่งด้วยที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 และมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นั้น จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน