ข้อเท็จจริงได้ความว่าต้นนุ่นที่ล้มทับเรือนโจทก์เป็นต้นไม้อยู่ในความครอบครองของจำเลยจำเลยเคยเก็บผลขาย เหตุที่ต้นนุ่นล้มก็โดยต้นนุ้นนี้มีความชำรุดโดยรากโคนไม่ดีจนลำต้นมิได้ตั้งตรง โอนเอียงหนักมาทางเรือนโจทก์อยู่แล้วก่อนล้มโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยรู้ถึงความชำรุดและให้จำเลยตัดต้นนุ่นนี้เสียเพื่อป้องกันอันตรายแต่จำเลยก็เพิกเฉยมิได้จัดการป้องกันอันตรายอันจะพีงบังเกิดขึ้น ครั้นถูกพายุเช้าจึงล้มทับเรือนโจทก์เสียหาย เป็นลมพายุซึ่งพัดตามธรรมดาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ว่าถึงหากพายุนั้นจะไม่ร้ายแรงก็ดี เมื่อเหตุเกิดขึ้นเพราะพายุแล้วจำเลยก็ไม่ต้องรับผิด ศาลฎีกาเห็นว่าต้นนุ้นรายนี้อยู่ในความครอบครองของจำเลยๆรู้ดีอยู่แล้วว่า ต้นนุ้นรายนี้โคนรากชำรุดจนถึงกับโอนเอนมาทางบ้านโจทก์ น่ากลัวจะล้มทับเรือนโจทก์ๆ ได้ขอให้ตัดฟันหลายครั้งแล้วเพื่อป้องกันการเสียหายอันอาจจะเกิดขึ้นแก่โจทก์ จำเลยก็ไม่ยอมตัดและไม่จัดการแต่ประการใด เมื่อเป็นดังนี้ถึงแม้ต้นนุ้นจะล้มเพราะพายุหรือไม่ใช่ลมพายุ จำเลยก็ไม่มีทางที่จะปัดความรับผิดไปได้ไม่ จึงพิพากษายืน