โจทก์ฟ้องว่ามีการออกโฉนดที่ดินในที่ธรณีสงฆ์ของวัดโจทก์ขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยทั้งหมดออกจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามโฉนดที่ดินและใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของ จำเลยให้การว่าได้ออกโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์โดยชอบ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากการเป็นเจ้าของ และให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 14 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดโจทก์และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "พระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ร.ศ. 121 มาตรา 7 ความว่า ที่วัดก็ดี ที่ธรณีสงฆ์ก็ดี เป็นสมบัติสำหรับพระศาสนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นอัครศาสนูปถัมภกทรงปกครองรักษาโดยพระบรมเดชานุภาพ ผู้ใดผู้หนึ่งจะโอนกรรมสิทธิ์ที่นั้นไปไม่ได้และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 41ความว่า ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์จะโอนกรรมสิทธิ์ได้แต่โดยพระราชบัญญัติเมื่อฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดบางขันโจทก์แล้ว การที่นายเนต คุ้มวงษ์ ออกโฉนดเลขที่ 1577 เมื่อปีพ.ศ. 2475 ทับที่ธรณีสงฆ์ วัดบางขันโจทก์ เนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน39 ตารางวา นายเอี่ยม คุ้มวงษ์ ออกโฉนดเลขที่ 1953 เมื่อปีพ.ศ. 2495 ทับที่ธรณีสงฆ์วัดบางขัน โจทก์เนื้อที่ 10 ไร่ 1 งาน21 ตารางวา และนายศิริ ค้าทันเจริญ ออกโฉนดเลขที่ 2460 เมื่อปีพ.ศ. 2502 ทับที่ธรณีสงฆ์ของวัดบางขัน โจทก์เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน46 ตารางวา เป็นการออกโฉนดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายเนต คุ้มวงษ์และนายเอี่ยม คุ้มวงษ์ และนายศิริ ค้าทันเจริญ จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามโฉนดที่ดินดังกล่าว แม้โฉนดเลขที่ 1577 จะมีการโอนต่อมาถึงจำเลยที่ 2 รับโอนเป็นคนสุดท้าย โฉนดเลขที่ 1953 ได้มีการแบ่งแยกออกเป็นโฉนดเลขที่ 2354, 2355, 2356 จำเลยที่ 11รับโอนโฉนดเลขที่ 2354 และ 2355 จำเลยที่ 12 รับโอนโฉนดเลขที่ 2356แล้วแบ่งออกเป็นโฉนดเลขที่ 4893 ยกให้จำเลยที่ 14 โฉนดเลขที่ 1953จำเลยที่ 3 ถึงที่ 10 เป็นผู้รับโอนมรดก ส่วนโฉนดเลขที่ 2460มีการรับมรดกและจำเลยที่ 13 เป็นผู้รับโอนคนสุดท้าย เมื่อโฉนดที่ดินทั้งเจ็ดฉบับดังกล่าวออกทับที่ธรณีสงฆ์ของวัดบางขันโจทก์จึงเป็นการออกโฉนดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จะมีการโอนทางทะเบียนต่อมาจนถึงจำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 14 เป็นผู้มีชื่อในโฉนดดังกล่าวเป็นรายสุดท้ายก็ตาม จำเลยที่ 2 ถึงที่ 14 ผู้รับโอนก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดที่ตนรับโอนไม่ และเมื่อโฉนดที่ดินทั้งเจ็ดฉบับดังกล่าวออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์จะขอให้ลงชื่อโจทก์แทนชื่อจำเลยที่ 2 ถึงที่ 14 ในโฉนดดังกล่าวหาได้ไม่ และแม้โจทก์จะมิได้ขอให้เพิกถอนโฉนดทั้งเจ็ดฉบับดังกล่าวศาลฎีกาก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดดังกล่าวที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเสียได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 14 ชนะคดีนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา"
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่พิพาททั้งเจ็ดโฉนด