โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดทางอาญาทั่วไป จำเลยได้ร่วมกับพวกช่วยเหลือคนต่างด้าวสัญชาติลาวซึ่งหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งทางราชการจัดให้พักอาศัยอยู่ที่ศูนย์รับผู้อพยพจังหวัดหนองคายเพื่อรอส่งตัวกลับ ให้หนีไปจากศูนย์ผู้อพยพดังกล่าวเพื่อไปอยู่ท้องที่อื่น จำเลยรู้เห็นการกระทำความผิดดังกล่าวแต่ไม่จับกุมผู้กระทำผิดไปดำเนินคดีขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.๒๔๙๓ มาตรา ๕๘ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๖ และ ๑๕๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.๒๔๙๓ มาตรา ๕๘ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๐ จำคุก ๒ เดือน และผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ จำคุก ๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหานี้ นอกจากนี้แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายบุญเลียงและครอบครัวซึ่งเป็นคนสัญชาติลาวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.๒๔๙๓ และได้ถูกส่งไปกักตัวอยู่ที่ศูนย์รับผู้อพยพจังหวัดหนองคายเพื่อรอการส่งกลับประเทศลาวหรือประเทศที่ ๓ ตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมือง ต่อมานายเลียงกับครอบครัวได้หลบหนีออกจากศูนย์ผู้อพยพดังกล่าว ขณะไฟฟ้าในศูนย์ดับหมดโดยจำเลยซึ่งเป็นพนักงานตำรวจได้ร่วมกับนายบุญชัยซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษไปแล้วนำรถยนต์มารับตัวไป ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยกับนายบุญชัยร่วมกันช่วยเหลือตั้งแต่ต้นเพื่อให้ความสะดวกแก่นายบุญเลืองกับพวกหลบหนีออกจากศูนย์รับผู้อพยพ แม้จำเลยในฐานะเจ้าพนักงานมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด เห็นนายบุญเลียงกับพวกหลบหนีออกจากศูนย์ไปซึ่งหน้า แต่ละเลยไม่ทำการจับกุม กรณีเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
พิพากษายืน