โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 53322 ตำบลวัดจันทร์ (ในเมือง) อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เนื้อที่ 81 ตารางวา จากจำเลยโดยไม่รวมสิ่งปลูกสร้างคือบ้านเลขที่ 949 ถนนบรมไตรโลกนารถ 2 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก และโจทก์ให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อโดยทำสัญญาอาศัยเป็นรายปี สัญญาสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2545 โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป จึงแจ้งให้จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 949 รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างอื่นและออกไปจากที่ดินแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 949 พร้อมสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆออกไปจากที่ดินของโจทก์และทำให้ที่ดินอยู่ในสภาพเรียบร้อยด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลย กับห้ามจำเลยและบริวารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์อีก
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 949 พร้อมสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ออกไปจากที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 53322 ตำบลวันจันทร์ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก และทำให้ที่ดินดังกล่าวอยู่ในสภาพเรียบร้อยด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยเอง ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ และห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายกอุทธรณ์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามีกาของจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ เนื้อความในอุทธรณ์ของจำเลยโดยสรุปจำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์บรรยายฟ้องขัดกันจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมและโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานของศาลชั้นต้นในเรื่องการมอบอำนาจของโจทก์ให้ทนายความทำหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกจากที่ดินพิพาท ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่แม้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ในคดีแพ่งมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยต้องยกขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การ ทั้งจะต้องให้การโดยชัดแจ้งด้วยว่าฟ้องเคลือบคลุมอย่างไร เช่นเดียวกับประเด็นเรื่องการมอบอำนาจของโจทก์ให้แก่ทนายความเพื่อบอกกล่าวขับไล่จำเลย มิฉะนั้นไม่เป็นประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึง เมื่อในคดีนี้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ มิได้ให้การต่อสู้คดีว่าคำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมอย่างใด และการบอกกล่าวขับไล่จำเลยไม่ชอบอย่างไร จึงไม่มีประเด็นดังกล่าวในศาลชั้นต้น การที่จำเลยยกขึ้นเป็นประเด็นในชั้นอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน